ดูหนังออนไลน์ ปี 1719 คือการพบกันครั้งแรกของเผ่าชนพื้นเมืองในทวีปอเมริกากับสิ่งมีชีวิตต่างดาวเผ่าพันธุ์นักล่า และมนุษย์เราต้องรับมือกับสุดยอดเทคโนโลยีล่าสังหารระดับจักรวาลด้วยอาวุธเพียงมีด ธนู หอก และขวาน เท่านั้น Prey (2022) นักล่าพันธุ์ดิบ รีวิวหนัง
ดูหนังฟรี ภาพยนตร์จากแฟรนไชส์ ‘Predator’ เรื่องล่าสุดที่มาลงสตรีมมิงทาง Disney+ Hotstar โดยอาจกล่าวได้ว่าเป็นมรดกตกทอดจากการควบรวมค่าย 20th Century Fox เข้ามาร่วมชายคา และคงต้องบอกว่าเป็นการเอาเผ่าพันธุ์ยวตจา (Yautja) กลับมาสู่จอได้อย่างเหมาะสมเสียที หลังจากหลงทางและพยายามรีบูตแฟรนไชส์โดยไม่ใช้เลขภาคต่อใน ‘Predators’ (2010) และ ‘The Predator’ (2018) ที่กลายเป็นหนังที่มีแนวทางเฉพาะ คือถ้าใครไม่เข้าใจสไตล์จนชอบก็คงเกลียดกันไปเลย ดูหนังออนไลน์ฟรี 2022
ถ้ามองอย่างผิวเผินเรื่องราวใน ‘Prey’ นั้นเรียบง่ายแต่แจ่มชัดอย่างยิ่ง มันคือการหวนคืนสู่นิยามตั้งต้นของคำว่า ผู้ล่าและเหยื่อในห่วงโซ่อาหารที่มีลำดับชั้น แต่มีนัยถึงเรื่องศักดิ์ศรีการยอมรับของนักรบอยู่ในตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่กินใจผู้ชมที่ชื่นชอบหนังแอ็กชันหรือแนวนักสู้ได้ง่าย ในหนังแนวนี้ยิ่งมีความห่างชั้นระหว่างผู้ล่าและเหยื่อมากเท่าใด คนดูก็ยิ่งจะลุ้นเอาใจช่วย และจะยิ่งปลาบปลื้มได้มากขึ้นเมื่อฝั่งมวยรองพลิกเอาชนะหรือเอาชีวิตรอดมาได้
มันจึงนำมาสู่วิธีคิดที่ว่าให้นักล่าต่างดาวที่โหดเหี้ยม พละกำลังมหาศาล มีสติปัญญาสูงส่ง แถมมีอาวุธล้ำสมัยทั้งระยะประชิดและระยะไกล รวมถึงหายตัวได้อีก ต้องมาสู้กับเหยื่อที่อารยธรรมต้อยต่ำกว่า มีเครื่องไม้เครื่องมือเอาชีวิตรอดในธรรมชาติไปวัน ๆ ยังดูยากลำบากอย่างชนเผ่าพื้นเมืองโคแมนชี (Comanche) ของอเมริกาที่มีวัฒนธรรมของการล่าอยู่ด้วยนี่เอง
ตัวหนังให้เรามองผ่านสายตาของ นารู น้องสาวของว่าที่นักรบหนุ่มของเผ่า แม้เธอจะมีความเฉลียวฉลาดช่างสังเกตแต่ก็ยังถูกดูแคลนในความเป็นเพศหญิงที่พละกำลังในการล่าต่ำกว่าผู้ชาย เธอจึงฝึกฝนและแสวงหาการยอมรับผ่านพิธีล่าสัตว์ดุร้ายอย่างสิงโต และแน่นอนว่าบัดนี้ในป่าไม่ได้มีเพียงแค่สัตว์ร้ายอย่าง งูพิษ หมาป่า สิงโต หรือหมีเท่านั้น เพราะมีนักฆ่าต่างดาวออกมาเดินหาคู่ต่อสู้ที่สมศักดิ์ศรีอยู่ด้วย และในเวลาใกล้เคียงกันพวกคนยุโรปที่อพยพก็เริ่มรุกรานใช้ปืนฆ่าชนเผ่าพื้นเมืองด้วยเช่นกัน
และต้องชื่นชมด้วยว่า นักแสดงสาวอย่าง แอมเบอร์ มิดธันเดอร์ (Amber Midthunder) ที่มารับบท นารู นั้นมีเสน่ห์ทั้งด้านรูปลักษณ์และการแสดงที่สามารถตรึงสายตาไปกับเธอตลอดเรื่องได้จริง ๆ ไม่ว่าจะตอนสวย ๆ หรือผ่านนาทีชีวิตจนโทรมไปทั้งตัว แม้ตอนดูตัวอย่างยังหวั่น ๆ ว่าเธอไม่ค่อยดึงดูดสายตานักแต่ของจริงเธอฉายออร่าได้แรงไม่เบาทีเดียว
และในความเป็นหนึ่งในหนังที่พยายามเชื่อมโยงกับแฟรนไชส์ ผู้สร้างก็หาวิธีการสร้างสะพานกลับไปโยงใบผ่านหนังเรื่อง ‘Predator 2’ (1990) แบบน่าประหลาดใจพอสมควร ด้วยการใช้สิ่งของชิ้นหนึ่งที่มีความสำคัญในหนังเรื่องนั้น ให้มาปรากฏก่อนหน้าหลายร้อยปีในหนังเรื่องนี้
ยิ่งสำหรับคอเดนตายของฉบับหนังสือการ์ตูนด้วยแล้ว จะพบว่าหนังได้ใช้รายละเอียดจากเรื่องสั้นชื่อ ‘Predator: 1718’ ที่ตีพิมพ์ในปี 1996 เล่าถึงเผ่ายวตจาที่ชื่อ เกรย์แบ็ก (ตัวเดียวกับที่มาปรากฏในท้ายหนังภาค 2 ในปี 1990) ซึ่งได้ลงมาพบมนุษย์เป็นครั้งแรกในจังหวะสถานการณ์ที่ ราฟาเอล อะโดลินี กัปตันเรือโจรสลัดลำหนึ่งกำลังถูกทรยศจากลูกเรือ และนำมาซึ่งการต่อสู้ร่วมกันและยอมรับกันในฐานะนักรบ ถึงขั้นได้แลกอาวุธของกันและกันไว้ด้วย
โดยรวมต้องบอกว่า ‘Prey’ เป็นหนังที่ตีโจทย์การสร้างได้ขาด สามารถป้อนปากผู้ชมที่ต้องการเรื่องราวดิบ ๆ เข้าใจง่าย ๆ แต่ขอให้สนุกก็พอซึ่งเป็นผู้ชมกลุ่มใหญ่ ใส่นัยความขัดแย้งเชิงประวัติศาสตร์และข้อถกเถียงถึงกระแสของโลกปัจจุบันลงไปแบบเห็นชัดแต่ไม่ขัดตาเพื่อผู้ชมกลุ่มที่อยากได้อะไรที่เป็นสาระบ้างได้เอาไปถกกันต่อ รวมถึงยังไม่ทิ้งแฟนของ ‘Predator’ ทั้งฉบับหนังและฉบับหนังสือให้เจออีสเตอร์เอ้กอย่างน่าชื่นชม ได้พ่วงจูงใจให้คนที่สงสัยว่ามันคืออะไรไปค้นหาต่อด้วย และที่ว่ามาทั้งหมดหนังพาคนดูไปได้หลายระดับการดูโดยที่ไม่มีกลุ่มไหนที่รู้สึกน่ารำคาญเลยด้วย นี่คือสุดยอดความสำเร็จจริง ๆ ของหนังเรื่องนี้
นับเป็นการกลับมาอย่างสมศักดิ์ศรี กับภาพยนตร์เรื่องล่าสุดจากแฟรนไชส์แอคชั่น-ระทึกขวัญเลื่องชื่ออย่าง Predator เพิ่งลงฉายให้รับชมกันผ่านทางระบบสตรีมมิ่ง ในวันที่ 5 ส.ค. 2022 อำนวยการสร้างโดยค่าย 20th Century โดย Prey เป็นผลงานแอคชั่น-ระทึกขวัญที่ได้ผู้กำกับมือดีอย่าง Dan Trachtenberg เจ้าของผลงานภาพยนตร์ไซไฟ-ระทึกขวัญชื่อดังเรื่อง 10 Cloverfield Lane มากุมบังเหียนภาพยนตร์เรื่องนื้ และนักแสดงที่ได้มารับบทนำให้กับ Prey ก็คือ Amber Midthunder นักแสดงสาวชนพื้นเมืองอเมริกันที่เคยฝากผลงานไว้ในซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่ marvel สุดอาร์ตเรื่อง Legion
เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อ 300 กว่าปีก่อน เมื่อสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกสุดสะพรึงเดินทางลงมาเหยียบผืนโลก พร้อมกับเทคโนโลยีอาวุธสุดล้ำสมัยเพื่อเปิดฉากเกมล่าสุดโหด และช่างเป็นโชคร้ายเหลือเกิน เมื่อชนเผ่าโคแมนชี (Comanche) ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองอเมริกัน ต้องเผชิญหน้ากับความดุดันจากสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ดุร้ายที่พวกเขาไม่เคยพบเห็นและประมือกันมาก่อน Naru หญิงสาวเลือดนักสู้แห่งชนเผ่าโคแมนชี จึงต้องทุ่มสุดกำลังและความสามารถเพื่อต่อกรกับ Predator พยายามปกป้องชนเผ่าของเธอให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของนักล่าสายพันธุ์โฉดจากอวกาศ
ความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ การจับนักล่าสุดเหี้ยมจากนอกโลกอย่าง Predator ที่มาพร้อมกับยุทโธปกรณ์ไฮเทคเกินยุคสมัย มาปะทะกับชนเผ่าพื้นเมืองที่มีเพียงอาวุธล่าสัตว์จากวัสดุธรรมชาติแบบบ้าน ๆ ให้ใช้เท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าโอกาสที่จะต่อกรกับเจ้า Predator ด้วยอาวุธพื้น ๆ เหล่านี้ได้อย่างสูสีนั้นแทบจะเป็นศูนย์ และนั่นก็เป็นจุดที่ทำให้ Prey ดึงความสนใจของผู้ชมเอาไว้ได้อยู่หมัดแทบจะตลอดทั้งเรื่อง อีกทั้งการสะท้อนภาพวิถีชีวิตของชนเผ่าโคแมนชี ก็นับเป็นความโดดเด่นของ Prey ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำเชือกจากเปลือกต้นไม้ การใช้ดอก totsiyaa สีส้ม (หรือที่ผู้เขียนเข้าใจว่าอาจจะเป็น dandelion ภูเขา) ในการทำยาบรรเทาอาการเจ็บปวดจากการบาดเจ็บ
preyและนอกจากนี้ การใช้โลเคชั่นเป็นป่าเขา ก็ชวนให้ผู้ชมย้อนนึกถึงความระทึกขวัญแบบดิบ ๆ เหมือน Predator ภาคแรกในปี 1987 และภาพยนตร์ชุดที่ 3 ของแฟรนไชส์ที่ปล่อยในปี 2010 อย่าง Predators อีกทั้งยังมี easter egg จากภาพยนตร์เรื่องก่อน ๆ ของแฟรนไชส์สอดแทรกเข้ามาได้อย่างแยบยล (ตัวอย่างเช่น ฉากที่ Taabe พี่ชายของ Naru ถูกกรีดที่หน้าอก ก็ทำให้นึกย้อนถึงฉากที่ Billy กรีดหน้าอกตัวเองใน Predator ภาคแรก)
preyถือว่าน่าเสียดายที่การกลับมาอย่างสมเกียรติของจักรวาล Predator ในครั้งนี้ไม่ได้เฉิดฉายบนจอภาพยนตร์ ด้วยสุนทรียภาพจากธรรมชาติอันตระการตา ดีไซน์ของพรีเดเตอร์ที่น่าเกรงขาม และความระทึกของฉากไล่ล่าที่คงจะเป็นประสบการณ์ชมภาพยนตร์บนจอใหญ่ที่คุ้มค่าและอิ่มเอมใจไม่ใช่น้อยเลยล่ะค่ะ