The Man in the High Castle Season 1

The Man in the High Castle Season 1

Your rating: 0
8 1 vote

Seasons and episodes

1Season 1 Dec. 22, 2024
  • 1 - 1
    Ep1 Dec. 22, 2024
  • 1 - 2
    Ep2 Dec. 22, 2024
  • 1 - 3
    Ep3 Dec. 22, 2024
  • 1 - 4
    Ep4 Dec. 22, 2024
  • 1 - 5
    Ep5 Dec. 22, 2024
  • 1 - 6
    Ep6 Dec. 22, 2024
  • 1 - 7
    Ep7 Dec. 22, 2024
  • 1 - 8
    Ep8 Dec. 22, 2024
  • 1 - 9
    Ep9 Dec. 22, 2024
  • 1 - 10
    Ep10 Dec. 22, 2024

Creator

Creator

Cast

Video trailer

61souSkwDk4

Synopsis

The Man in the High Castle Season 1

ซีรีส์ของ Amazon Prime Video สร้างจากนิยายระดับรางวัลของ “ฟิลิป เค ดิค” The Man in the High Castle Season 1  และอำนวยการสร้างโดย “ริดลีย์ สกอตต์” (เบลด รันเนอร์ / Prometheus) และแฟรงก์ สปอตนิตซ์ (The X-File แฟ้มลับคดีพิศวง) ว่าด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์สมมุติ ถ้าฝ่ายสัมพันธมิตรพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 จะเกิดอะไรขึ้น

ซีรีส์แนวประวัติศาสตร์สมมุติ ที่เรียกกันในภาษาอังกฤษสั้นๆ ว่า “What if” มีความหมายว่า “ถ้ามีจุดเปลี่ยนเป็นแบบนั้นอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง” ในกรณีนี้คือ ในปี 1962 โลกที่นาซีชนะสงครามด้วยการหย่อนระเบิดปรมาณูลงที่ วอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงของสหรัฐอเมริกาแทนที่ประวัติศาสตร์ปกติในโลกเราที่อเมริกาหย่อนลงที่ นางาซากิ ฮิโรชิม่า ของญี่ปุ่น จนจักรพรรดิญี่ปุ่นต้องยอมแพ้ ในโลกคู่ขนานที่แตกต่างออกไป หลังอเมริกาแพ้สงครามก็ถูกนาซีเข้าปกครอง ฝั่งตะวันออกเป็นอาณาจักรนาซีไรช์ ส่วนฝั่งตะวันตกเป็นรัฐแปซิฟิกของญี่ปุ่น มีพื้นที่โซนกลางเป็นเขตไร้การปกครองคั่นไว้อีกที แต่สถานการณ์ในโลกที่อื่นตัวเรื่องไม่ได้ให้เห็น นอกจากเอ่ยถึงประกอบบางช่วง (ญี่ปุ่นยังรบกับจีนอยู่)

The Man in the High Castle Season 1

ตัวเอกของเรื่องได้พบกับ “ม้วนหนัง” ที่ฉายภาพ “โลกที่ต่างออกไป” เป็นโลกที่ฝ่ายสัมพันธมิตรได้รับชัยชนะเหนือฝ่ายอักษะ (เยอรมัน ญี่ปุ่น) จากน้องสาวของเธอที่ถูก Kido หัวหน้าหน่วย “เคมเปไต” หน่วยสารวัตรทหารของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นในรัฐแปซิฟิกสังหาร เพื่อแย่งชิงหนังม้วนนี้มาจากเธอ และก็ตามหาบุคคลลึกลับที่อยู่เบื้องหลังม้วนหนังในชื่อ  หรือ บุรุษเหนือฟ้า ในปราสาทสูง ที่เป็นชื่อเรื่องนี้นั่นเอง และไม่ใช่แค่ฝ่ายญี่ปุ่นที่ตามล่า แต่ฮิตเลอร์เองก็ส่งคนมาตามล่าหาตัวบุรุษลึกลับนี้เช่นกัน ผ่าน John Smith นายทหารอเมริกันที่แปรพักต์ไปเข้ากับนาซีจนได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นหัวหน้าหน่วย SS คอยดูแลสอดส่องภัยคุกคามต่างๆ ของอาณาจักรนาซีไรช์ในอเมริกา และหาทางจัดการกับกลุ่มต่อต้านที่ซ่องสุมกำลังกันอยู่หลายที่ในขณะนี้

จุดเด่นของเรื่องนี้คือ การสมมุติประวัติศาสตร์หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่แตกต่างออกไปได้อย่างสมจริง พร้อมกับการสร้างโลกคู่ขนานที่มีโปรดักชั่นดีไซน์ คอสตูม ทุกอย่างเนี๊ยบ “สมจริงแบบสมมุติ” แบบไร้ที่ติ โดยที่ยังคงมีประวัติศาสตร์ในโลกปกติโผล่มาในรูปแบบของหนังฟุตเทจจากของจริงผสมกัน เป็นแนวหนังประวัติศาสตร์สงครามที่มีส่วนของไซไฟผสมเจือปนอยู่จางๆ (แต่สำคัญ) โดยช่วงแรกเรื่องจะไปเดินไปแบบเรื่อยๆ ค่อยๆ ปูพื้นโลกคู่ขนานนี้ให้คนดูได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นมาบ้างหลังจากนาซีกับญี่ปุ่นเข้ายึดครองอเมริกา

โดยให้น้ำหนักเรื่องราวทั้ง 2 ฝ่ายถือว่าเท่าเทียมกัน มีการสานต่อหน่วย SS กับ เคมเปไต ให้มาอยู่ในอเมริกา และก็ทำหน้าที่คล้ายกัน แต่แนวทางแตกต่างกัน ที่เหมือนกันคือความโหดเหี้ยมที่ยังคงสืบต่อมาจากช่วงสงครามโลกแบบที่เราเคยได้รับรู้มาเช่นเดิม และหนังก็ให้อารมณ์สิ้นหวังแบบโหดร้ายกับตัวละครที่ถูกฝ่ายนาซีกับญี่ปุ่นกระทำตลอดเวลา ไม่ต่างอะไรกับแนวหนังนาซีเข่นฆ่าชาวยิวในค่ายกักกันเรื่องอื่นๆ เลย ภาพที่ออกมาจึงมีความรุนแรงมากตลอดเรื่องไม่เว้นแม้แต่เด็ก รวมถึงมีฟุตเทจนาซีโหดๆ จากโลกปกติรวมด้วย ใครที่ใจไม่แข็งพอหรือไม่ได้ชอบหนังที่มีภาพโหดร้ายหดหู่ก็คงต้องแนะนำให้ข้ามเรื่องนี้ไปครับ

ในฉากนี้ทหารนาซีจับขาเด็กเหวี่ยงหมุนฟาดกำแพง หลังกระสุนปืนหมด
และไม่ใช่แค่ประวัติศาสตร์นาซีกับญี่ปุ่นที่ถูกสมมุติต่อเติมขึ้นมา แต่ตัวเรื่องก็มีส่วนของประวัติศาสตร์ในโลกปกติให้เห็นในแบบเปรียบเทียบว่า จริงๆ แล้วอเมริกาก็มีเรื่องการเข่นฆ่าชาวอินเดียนแดงกับการเหยียดรังเกียจเชื้อชาติอื่น โดยเฉพาะคนผิวดำ ที่ฝังลึกอยู่ในประวัติศาสตร์ช่วงเวลาเดียวกันกับในเรื่อง รวมถึงปมปัญหาของแนวคิดการคัดเชื้อชาติบริสุทธิ์ของนาซีที่ผิดธรรมชาติความจริงที่มนุษย์ทุกคนต่างต้องมียีนส์ด้อยอยู่ในตัว ก็ถูกใส่มาเป็นปมขัดแย้งในจิตใจกับตัวละครฝั่งนาซีที่ต้องตกอยู่ในชะตากรรมนี้เองเช่นกัน เรื่องจึงไม่ได้นำเสนอแค่ความโหดร้ายของนาซีหรือญี่ปุ่นเพียงเท่านั้น แต่เป็นการชี้ให้เห็นความผิดพลาดของมนุษย์ในช่วงเวลาหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่ต้องเรียนรู้ มากกว่าจะซ้ำเติมฝ่ายไหนมากขึ้นไปอีก แม้จะเป็นเรื่องสมมุติก็ตาม

จุดเด่นอีกอย่างคือตัวละครในเรื่องนี้แม้จะมีฝักฝ่ายชัดเจน แต่ก็มีการกระทำที่ไม่ได้ตรงไปมาเสมอไป ตัวเรื่องคาดเดาได้ยากกว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป เพราะตัวละครมีการหักหลังทรยศเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่ไม่ใช่การวางบทแบบตั้งใจหักมุมคนดูแบบแถๆ ตัวละครมีการปูพื้นมาก่อนให้เห็นเหตุผลรองรับการตัดสินใจที่น่าเชื่อถือได้ทุกครั้ง ทั้งนี้ตัวละครเกือบทุกตัวต่างติดอยู่ในวังวนของความโหดร้ายทารุณ

ไม่ได้มีฝ่ายไหนถูกมองว่าดูดีหรือทำถูกต้องเสมอไป แม้ว่าเรื่องจะกำหนดชัดเจนว่านาซีกับญี่ปุ่นเป็นตัวร้ายหลัก แต่หลายครั้งตัวละครหลักหรือรองของทั้งสองฝ่ายนี้ ต่างก็มีเหตุผลของการกระทำให้เราเห็นใจหรือเข้าใจในบทบาทของเขาได้ ในขณะที่กลุ่มต่อต้านหรือแม้แต่ตัวบุรุษเหนือฟ้าเองก็ไม่ได้ทำถูกต้องหรือทำดีเสมอไป ซึ่งนางเอก Juliana Crain (รับบทโดย Alexa Davalos) จะเป็นตัวละครกลางๆ ที่ได้สัมผัสคลุกคลีลงลึกกับทุกฝ่ายในเรื่อง หนังสร้างให้เธอเป็นสาวสวยสะดดุตาใครต่อใคร และมาพร้อมความแกร่งกล้าเอาตัวรอดได้เสมอ

แม้ว่าจะต้องพลิกเกมเข้ากับฝ่ายไหนก็ตาม ซึ่งเธอก็รับบทได้อย่างลงตัวมาก เธอเป็นตัวแปรของเรี่องราวทั้งหมดตั้งแต่ซีซั่น 1-4 ร่วมกับตัว John Smith (รับบทโดย Rufus Sewell) ที่แม้จะเป็นอเมริกันนาซีโหดเหี้ยม แต่ก็มีแง่มุมหลายอย่างให้เรารู้สึกเห็นใจและน่าสงสาร ซึ่งเป็นจุดเด่นของเรื่องนี้ที่สร้างเรื่องราวมิติของตัวละครในมุมของความเป็นมนุษย์ตามแต่สถานการณ์ที่เขาเป็นอยู่ได้อย่างลึกซึ้ง คนดูจะไม่รู้สึกเกลียดชังตัวละครไหนหมดใจได้เลยจนถึงช่วงสุดท้ายของชีวิตแต่ละคน

The Man in the High Castle Season 1

ดูหนัง ในส่วนของซีซั่นแรกจะค่อยๆ เผยให้เห็นเรื่องราวของม้วนหนังที่เป็นเหมือนพลังปลุกใจให้แก่ทุกคนที่ได้ดูว่ามีโลกที่ต่างออกไป อาณาจักรนาซีที่เกรียงไกรก็ล่มสลายได้เหมือนกัน ในขณะที่ตัวแปร บุรุษเหนือฟ้า ในปราสาทสูง ที่ทุกฝ่ายตามหาว่าเขาอยู่ที่ไหน จะถูกเฉลยออกมาในตอนจบซีซั่นแรก และก็ยังทิ้งประเด็นไซไฟชวนอึ้งไว้นิดๆ ในท้ายซีซั่นแรก ก่อนที่ซีซั่น 2 จะเริ่มเรื่องราวของความขัดแย้งของทุกฝ่ายในเรื่อง มีประเด็นหลักคือ อายุขัยของฮิตเลอร์ที่ใกล้หมดลมหายใจ ที่ทุกฝ่ายต่างพยายามช่วงชิงความได้เปรียบจากช่วงเวลานี้

โดยไม่มีใครเป็นพันธมิตรถาวรกับใคร เรื่องราวเต็มไปด้วยความขัดแย้ง สลับซับซ้อนตลอดเวลา ซึ่งต้องบอกว่าทั้งสองซีซั่นนี้ถ้าใครคาดหวังว่าเรื่องจะมีส่วนของไซไฟมากจากโลกคู่ขนานปกติที่เผยให้เห็นจากม้วนหนัง อาจจะต้องผิดหวังเยอะ เพราะเรื่องมีส่วนของไซไฟเพียงน้อยนิด แต่เน้นเดินเรื่องด้วยแนวดราม่าให้อารมณ์ระทึกกดดันไปกับการเอาตัวรอดของตัวละครหลักในเรื่องที่มีเพิ่มมาเรื่อยๆ นอกจากตัวนางเอก Juliana Crain ที่เป็นตัวหลักของเรื่องราวทั้งหมด

ซีซั่น 3 จะเป็นการเริ่มยุคสมัยใหม่ของนาซีในอเมริกา เรื่องราวเริ่มเข้าสู่แนวไซไฟมากกว่า 2 ซีซั่นแรก มีเทคโนโลยีอากาศยานใหม่ๆ ของนาซีให้เห็น มีทฤษฏีวิทยาศาสตร์ควอนตัมเข้ามาเกี่ยวข้อง และมีสิ่งอื่นที่ยิ่งใหญ่กว่าโลกคู่ขนานปกติที่เผยไว้ตอนแรก รวมถึงพลังความสามารถลี้ลับในตัวละครมนุษย์ปกติจะปรากฎขึ้นมาชัดเจนกว่าที่เปิดให้เห็นแค่ผิวๆ ใน 2 ซีซั่นแรก รวมถึงคำตอบของปริศนาที่มาม้วนหนังที่ค้างไว้ ก็จะถูกเฉลยในซีซั่นนี้ทั้งหมด

เป็นซีซั่นที่เรียกว่ามีส่วนผสมของแนวดราม่าไซไฟเข้มข้นลงตัวที่สุด และก็เชื่อมต่อไปถึงซีซั่น 4 ที่เป็นบทสรุปของเรื่อง หนังยังคงอารมณ์ไซไฟต่อเนื่องมาพอสมควร แต่ด้วยความที่เฉลยหลายอย่างไปมากแล้ว ในซีซั่นนี้จึงเน้นเรื่องราวเดินหน้าไวไปสู่บทสรุปสุดท้ายเป็นหลัก เป็นซีซั่นที่เดินเรื่องไวที่สุด จนบางทีแอบรวบรัดบางอย่างมากไปเหมือนกัน แต่ก็ถือว่าจบลงได้สวยงาม แม้จะไม่มีส่วนของบทสรุปสุดท้ายทั้งหมดหลังสงครามก็ตามที (ผู้ชมส่วนใหญ่อยากให้มีต่ออีกสักตอน)

The Man in the High Castle, Saison 4 | by Nicolas Winter | Juste un mot
หนังฟรี The Man in the High Castle เป็นซีรีส์ที่คงคุณภาพสูงได้ตามแนวทางของเรื่องแทบไม่ตกหล่นเลยในแต่ละซีซั่น เดินเรื่องโดยมีเส้นเรื่องหลักเรื่องโลกคู่ขนานได้ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีเขวออกนอกทาง อารมณ์ของเรื่องจะออกแนวดราม่าผสมแอ็กชั่นบางครั้ง แบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ก็ไม่ถึงกับช้ามาก

ผสมกับอารมณ์กดดันหดหู่ไปกับความโหดร้ายแบบหนังสงครามนาซี+ญี่ปุ่น มีส่วนผสมของไซไฟอยู่จางๆ ในตอนแรก ก่อนไปเน้นหนักในช่วงหลัง ถ้าใครชอบหนังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีนาซีกับญี่ปุ่นเป็นตัวหลักกับรายละเอียดโปรดักชั่นคุณภาพสูงก็ไม่ควรพลาดครับ เพราะเรื่องนี้น่าจะเรียกว่าที่สุดของการครีเอทโลกสมมุตินาซีที่สุดแล้วครับ

หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองจบ ประเทศต่างๆได้อยู่กันอย่างสงบสุขมาจนถึงตอนนี้โดยปราศจากสงคราม จะมีก็แต่การแข่งขันทางการค้าและสงครามเย็นเท่านั้น แต่ลองจินตานาการดูสิ ว่าโลกเราจะเป็นอย่างไรหากฝ่ายอักษะชนะสงครามโลกครั้งที่สองและฮิตเลอร์ยังมีชีวิตอยู่จนผมขาว?

เป็นซีรีย์ของช่อง Amezon ที่อำนวยการสร้างโดย ริดลีย์ สก็อตต์( ผู้กำกับ Gladiater ,Alien และ Prometheus) และแฟรงค์ สปอตนิทซ์ (โปรดิวเซอร์ซีรีย์ the X-files กับ Strike Back)

โดยดัดแปลงมาจากนิยายของ ฟิลิป เค. ดิ๊ค ผู้เป็นเจ้าของความคิดของผลงานไซไฟขึ้นหิ้งหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น Blade Runner , Pay Check , Minority Report , A Scanner Darkly , Screamers , Adjustment Bareau และ Total Recall

ซีรีย์นี้พาคุณไปสำรวจประวัติศาสตร์คู่ขนาน ให้เห็นสภาพและเหตุการณ์บ้านเมืองในอเมริกาที่โดนปกครองโดยนาซีและจักรวรรดิญี่ปุ่น(ประมาณปี1960หรือหลัง WW2) ซึ่งมาตั้งรกรากและศูนย์บัญชาการใหญ่อยู่ที่นั่นเลย ในเรื่องนาซีกับญี่ปุ่นจะมีขวากหนามที่สำคัญคือฝ่ายต่อต้าน

 

ดูหนังฟรี ที่คอยแอบขนส่งฟิล์มที่เก็บงำความลับบางอย่างที่ว่ากันว่าเป็นของชายที่มีฉายาว่า ความน่าสนใจอยู่ตรงที่หนังในแต่ละม้วนฟิล์มมีทั้งเหตุการณ์ที่เป็นอนาคตและเหตุการณ์ที่อเมริกาชนะสงคราม จึงทำให้ฝ่ายต่อต้านมีความหวังและนาซีกับพวกจักรวรรดิญี่ปุ่นต้องการแผ่นฟิล์มพวกนี้อย่างมาก

โดยเรื่องราวจะเล่าผ่านตัวละครหลายตัว ต่างมุมมอง ต่างสถานที่ และแต่ละคนจะมีสิ่งที่ตัวเองต้องทำเพื่อสิ่งสำคัญที่ตัวเองยึดมั่น “จูเลียนอานา เครน” (รับบทโดยอเล็กซา ดาวาลอส) หญิงสาวผู้ไปพัวพันกับฝ่ายต่อต้านเพราะน้องสาวทำให้ชีวิตเธอเปลี่ยนไปตลอดกาล ,”แฟรงค์ ฟริงค์” (รับบทโดยรูเพิร์ท อีแวนส์) สามีผู้ซื่อสัตย์ของจูเลียอานา , “โจ เบลค” หนุ่มผู้หลงรักจูเลียอานาหลังจากที่ช่วยเหลือเธอครั้งแรกและมีภารกิจที่ต้องทำซึ่งขัดแย้งกับทางเดินของจูเลียอานาอย่างมาก , “โนบุซุเกะ ทาคูมิ” (รับบทโดย แครี่-ฮิโรยูกิ ทากาวะ) รัฐมนตรีกระทรวงพานิชญ์ของญี่ปุ่นผู้มีจิตใจดี และ “obergruppenführer จอห์น สมิธ” หัวหน้าใหญ่ของSS ผู้ยึดมั่นในอุดมการณ์

ต้องสารภาพว่าดูจบมาตั้งแต่มาทิตย์ที่แล้วแต่ไม่ว่าง ตอนนี้ก็ได้ฤกษ์ได้ยามที่จะรีวิวซักที ตอนแรกพอได้ยินพล็อตเรื่องผมก็ว่ามันน่าสนใจแล้วนะ แต่สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริงๆ ได้ดูแค่ตอนแรกก็ซัดเราอยู่หมัดแล้ว เรื่องราวดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เพราะต้องแนะตัวละครหลักและโลกที่ตัวละครอาศัยอยู่ภายใน 1 ชั่วโมงและหลายๆคนคงอยากรู้ว่ามันจะเป็นยังไง ซึ่งก็เล่าเรื่องได้ดีโดยเฉพาะตอนจบของตอนไพล็อตทำให้ผมถึงกับอึ้งจนอยากเปิดดูตอนต่อไปทันที (ซึ่งก็ดูต่อจริงๆ) และไม่ใช่แค่นี้ ซีรีย์นี้มีทั้งหมด 10 ตอน แต่ละตอนจบได้ค้างคามาก เหมือนตอนจบซีซั่นของซีรีย์ยังไงอย่างงั้น โชคดีที่ช่อง Amezon ปล่อยมาทีเดียว 10 ตอนรวด ไม่งั้นมีลงแดงแน่นอน

ดูหนังออนไลน์ จุดเด่นของ  เลยคือเรื่องบท การสร้างตัวละครทำได้สมจริงตัวละครในเรื่องมีความเป็นมนุษย์สูงมาก การกระทำแต่ละอย่างของตัวละครสมเหตุสมผลตามนิสัยตัวละครนั้นๆ เฉลี่ยบทบาทของตัวละครได้ดีเยี่ยม ไม่มีใครเด่นไปกว่าใครถึงแม้ว่านางเอกจะเป็นตัวหลักของเรื่องก็ตาม แต่เราเลือกยากมากว่าจะเชียร์ตัวเอกชายคนไหนดีเพราะแต่ละคนก็มีสิ่งที่ดีคนละแบบ การดำเนินเรื่องสมูธเป็นโทนเดียวกันหมดและเรื่องราวมักจะขับเคลื่อนไปพร้อมๆกัน โดยเฉพาะฉากไคล์แม็กของแต่ละตอนมักจะเล่าแบบตัดสลับ 2 สถานที่ในเวลาเดียวกัน บวกกับเพลงประกอบทำให้กระตุ้นอารมณ์ได้สุดๆ

เรื่องการแสดงตัวเอกทุกคนทำได้ดีมาก มีทั้งฉากดราม่าพังข้าวของและฉากที่นิ่งเฉยแต่สื่ออารมณ์ได้ แต่ที่ชอบที่สุดคือตัวละคร แฟรงค์ ฟริงค์ เป็นตัวละครที่ชีวิตน่าสงสารและน่าเห็นใจมาก ซึ่งรูเพิร์ท นักแสดงที่รับบทนี้ก็แสดงได้ดีมากเช่นกัน

Original title The Man in the High Castle Season 1
TMDb Rating 8 452 votes

Similar titles

Dexter Season 7
Legion Season 1
Spartacus Season 2
From Dusk Till Dawn Season 2
Grimm Season 1
Homeland Season 3 แผนพิฆาตมาตุภูมิ ปี 3
Game of Thrones – Season 1 มหาศึกชิงบัลลังก์ ปี 1
Sex and the City Season 3
Fear The Walking Dead Season 4
Supernatural Season 8
Smallville Season 8 หนุ่มน้อยซุปเปอร์แมน ปี 8
Prison Break Season 3
Comments are closed.