หลังจากที่ปิดฉากผีชีวะในยุคของ “มิลลา โยโววิช” ลงไป หนังชุดนั้นก็ใช่ว่าจะเป็นแฟรนไชส์อันทรงคุณค่าและสร้างความน่าประทับใจได้มากมายสักเท่าไหร่ เพราะช่วงหลังเกือบจะหลุดออกทะเลไปเสียแล้ว แต่ โซนี่ ก็ยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ เพราะพวกเขายังหยิบเรื่องราวในจักรวาลนี้มาเล่าใหม่ ในรูปแบบเชิงรีบูตใหม่ใน “Resident Evil: Welcome to Racoon City” (ผีชีวะ ปฐมบทแห่งเมืองผีดิบ) ที่มาทำหน้าที่เป็นสารตั้งต้น ดูหนังออนไลน์ ย้อนเล่าจุดกำเนิดการอุบัติของหายนะทั้งหมด ที่ดูทรงเหมือนจะเคารพต้นฉบับวิดีโอเกม แต่รสชาตินั้น…ฝาดชะมัด Resident Evil: Welcome to Raccoon City (2021) ผีชีวะ หนังnetflix
ดูหนังฟรี Resident Evil: Welcome to Raccoon City เล่าเรื่องราวย้อนกลับไปในช่วงปลายยุค 90s ที่ครั้งหนึ่ง Raccoon City เคยเป็นบ้านที่แสนเฟื่องฟูของ Umbrella Corporation บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ แต่ตอนนี้กลายเป็นเมืองแถบมิดเวสต์ที่กำลังจะตายลง การอพยพของบริษัทนี้ทำให้เมืองกลายเป็นเมืองร้าง พร้อมด้วยปีศาจที่โผล่พ้นขึ้นมาสู่ผิวดลก เมื่อปีศาจถูกปลดปล่อย เหล่าชาวเมืองก็ได้ ‘เปลี่ยนแปลง’ ไปตลอดกาล โดยมีคนกลุ่มหนึ่งที่รอดชีวิต พวกเขาต้องหันมาร่วมมือกันเพื่อเปิดโปงความจริงเบื้องหลัง Umbrella และเอาตัวรอดให้ผ่านพ้นค่ำคืนนี้ไปให้ได้ ดูหนังออนไลน์ฟรี 2022
ที่พบเจอในหนังตระกูลซอมบี้ จึงกลายออกมาเป็นหนังที่ดูเชยไปทุกย่างก้าวที่ถ่ายทอดออกมา การดำเนินเรื่องเหมือนจะไม่ช้า แต่ก็ค่อนข้างช้าเพราะเป็นการเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหายนะเท่านั้น
“โยฮันเนส โรเบิร์ตส์” ที่ขึ้นมาจากทะเลสู่ฝั่งแรคคูนซิตี้ ที่เขาได้มาย่ำยีหัวใจของแฟนๆ วิดีโอเกมชุดนี้เหลือเกิน เขาทำหน้าที่ทั้งกำกับและเขียนบทหนังเรื่องนี้ แต่ดูเหมือนว่าวิสัยทัศน์โดยรวมของเขายังไม่สามารถแบกรับหนังเรื่องนี้เอาไว้ได้ ภาพรวมที่ออกมาจึงไม่ต่างไปจากหนังที่เล่าเรื่องแคบๆ ชวนอึดอัดๆ ที่ไร้เสน่ห์บนหน้าจออย่างสิ้นเชิง เป็นช่วงเวลาชั่วโมงกว่าๆ ในการดูหนังเรื่องนี้ที่อยากหยิบโทรศัพท์มาไถ่อัปเดตฟีดข่าวทันกระแสยังจะดูมีประโยชน์มากกว่า
ยังทำได้ไม่ถึงสุด หนังพยายามที่ใส่ความสยองขวัญแบบหนังยุคก่อนเข้าไปผสมๆ แต่ในขณะเดียวกันก็ทิ้งความเป็นหนังซอมบี้ไปไม่ได้ ความพยายามทั้งหมดกลายเป็นเพียงแค่อารมณ์ครึ่งๆ กลางๆ หนังทำได้ไม่สุดเลยสักทางเดียว จะชวนหลอนในตกใจก็ไม่ทำไม่ถึง จะขยะแขยงกับปีศาจที่ใส่เข้ามาก็ยังไม่ไหว ทุกๆ สิ่งในหนังเรื่องนี้จึงกลายเป็นโทนที่แบนราบและไม่รู้สึกตามสนุกไปด้วยเลย
และมาได้เจอกับแคสติ้งหลักของหนังเรื่องนี้ ที่ทำให้อยากจะก้มลงไปกุมขมับ เห็นได้ชัดถึงความพยายามที่อยากจะเคารพต้นฉบับวิดีโอเกม ไม่ว่าจะใช้ตัวละครออริจินัลเข้ามา เช่น แคลร์ กับ คริส เรดฟิลด์, จิล วาเลนไทน์ หรือ อีออง เคนเนดี้ แต่ปรากฏว่าการดีไซน์ตัวละครเหล่านั้นออกมาช่างจืดชืด และไม่มีอะไรให้น่าจดจำพวกเขาได้เลยสักนิดเดียว บทหนังไม่สามารถส่งให้เข้าถึงตัวละครแทบจะทุกตัว ไร้เสน่ห์และอารมณ์ร่วมอย่างสิ้นเชิง
ดังนั้นจึงทำให้ “คายา สโคเดลาริโอ”, “ร็อบบี้ เอเมลล์”, “แฮนนาห์ จอห์น-คาเมน” หรือ “ทอม ฮอปเปอร์” ใช้เพียงแค่พลังความสตาร์ในตัวพวกเขามาขับเคลื่อนหนังเรื่องนี้ เพราะบทบาทที่พวกเขาได้รับนั้น แทบจะไม่เข้ากับตัวพวกเขาเลย กลายเป็นเพียงการสวมบทบาทและแสดงไปให้จบๆ เพียงเท่านั้น ไม่ได้มีชั้นเชิงและเสน่ห์ใดๆ ที่พวกเขาสามารถขับออกมาได้จากตัวละครที่เป็นไอคอนหลักประจำหนังชุดเลย
และเป็นเพียงแค่การเล่าเรื่องแบบผิวเผินที่พยายามที่สร้างความสยองและบิ้วความสนุกเกินไป จนกลายเป็นความไม่สนุก
อย่างน้อยๆ แล้ว ก็กลายเป็นสิ่งที่ทำให้หนัง Resident Evil ฉบับของ มิลลา โยโววิช ดูดีขึ้นมาเป็นกองเลย อย่างน้อยๆ เวอร์ชั่นก่อนก็ยังมีจุดเด่นและเสน่ห์ในตัวที่แฟนๆ ใฝ่หา แต่กลับในเรื่องนี้นั้น ยังไม่ใช่การแก้โจทย์สมการที่น่าจะเข้ากับแฟนๆ ได้ดีเท่าไหร่ที่ควร ก็เป็นเพียงหนังซอมบี้จังหวะเชยๆ ที่บอกเลยว่าเชยสะบัดตั้งแต่นาทีแรกที่เปิดเรื่องขึ้นมาก็ว่าได้…
เป็นอีกเรื่องที่คนดูหนังเสียงแตกเป็นสองฝั่งหลังชมภาพยนตร์ ผีชีวะ Resident Evil ภาคล่าสุดซึ่งเป็นภาคย้อนต้นไปยังเมือง Raccoon City ต้นกำเนิดผีดิบที่เป็นผลจากการทดลองของบริษัท Umbrella เนื่องจากเรื่องนี้สร้างจากเกมดัง คนที่เล่นเกมก็จะคาดหวังไปแบบหนึ่งผลปรากฏว่าไม่ได้อย่างใจสู้เกมไม่ได้ก็จะไม่ชอบหนังภาคนี้ ส่วนคนดูที่ไม่ได้เล่นเกมโดยมากจะไม่ชอบเวอร์ชั่นมิลล่า โจโววิช ที่ผ่านมาทั้ง 6 ภาค เพราะดูแล้วเหมือนเล่นเกม กลับชอบหนังเรื่องนี้ที่ดูมีความเป็นหนังมากกว่า มีการแจกบทตัวละคร มีสถานการณ์ มีเหตุผลที่มาที่ไปของแรงจูงใจและการกระทำแต่ละอย่างมากกว่า ทั้งหนังตั้งใจทำให้เหมือนหนังสยองขวัญเกรดบีเมื่อ 50 ปีที่แล้วซึ่งดูแล้วได้อารมณ์มาก ผู้โพสท์อยู่ในฝั่งของคนที่ชอบจึงให้ได้ถึง 8 เต็ม 10 แม้ว่านักวิจารณ์เว็บมะเขือจะชอบกันแค่ 30% ก็ตาม
เรื่องราวย้อนกลับไปราว 30 ปีที่แล้ว ประมาณยุค 90 ก่อนที่แร็คคูนซิตี้สถานที่ก่อตั้งดั้งเดิมของบริษัทอัมเบรลล่าจะถูกทำลายเนื่องจากสารพิษรั่วไหลก่อให้เกิดผีดิบเต็มบ้านเต็มเมือง น้องสาวกลับมาหาพี่ชายและพบว่าตำรวจทั้งสถานีไม่มีใครป่วยเหมือนชาวบ้านเลย เมื่อทุกคนที่ยังมีชีวิตรู้ความจริงว่าเมืองกำลังจะถูกทำลายก็พากันหาทางหนีเอาตัวรอดท่ามกลางดงผีดิบและสัตว์ประหลาดที่กำลังครองเมือง ใครดูแล้วชอบไม่ชอบก็แล้วแต่เลยนะครับ ถ้าไม่ได้ดูแล้วกำลังตัดสินใจบทความนี้ก็น่าจะชี้แนะได้ว่า ถ้าที่ผ่านมาไม่ชอบเวอร์ชั่นมิลล่า ก็น่าจะชอบภาคนี้ แต่ถ้าเป็นคนที่เล่นเกมและชอบมิลล่า ก็จะไม่ชอบภาคนี้
“Resident Evil” เชื่อว่าชื่อของเกมนี้ สามารถที่จะทำการตราตรึงใจของนักเล่นเกมให้สัมผัสกับความสยดสยองได้เป็นอย่างดี ในการพยายามเอาตัวรอดควบคู่ไปกับการช่วยเหลือโลกไม่ให้ล่มสลายจากการทดลองเชื้อไวรัสชีวะภาพที่เปลี่ยนผู้คนให้กลายเป็นซอมบี้แสนร้ายกาจที่ไม่มีเหตุผลหลงเหลืออยู่
เมื่อมีการหยิบเอาเนื้อหาของเกมนี้ มาสร้างเป็นหนังสยองขวัญ Resident Evil: Welcome to Raccoon City ผีชีวะ ปฐมบทแห่งเมืองผีดิบ เชื่อว่าก็คงจะทำให้หลายคนตั้งตารอว่าจะได้เห็นความสยองขวัญแบบต้นตำรับ แต่.. หนังเรื่องนี้จะน่าดูหรือเปล่านั้น!? ประเด็นนี้คงต้องลองมาติดตามจากบทความชิ้นนี้กันเลย
หนังสยองขวัญ Resident Evil: Welcome to Raccoon City ผีชีวะ ปฐมบทแห่งเมืองผีดิบ เป็นเรื่องราวของเมืองเล็ก ๆ ที่มีชื่อว่าแรคคูนซิตี้ ที่ครั้งหนึ่งเคยเฟื่องฟูเนื่องจากเป็นสถานที่ตั้งของบริษัทผลิตยาชั้นนำอย่างอัมเบลล่า คอเปอเรชั่น แต่หลังจากที่บริษัทย้ายฐานการผลิตก็ทำให้เมืองนี้ค่อย ๆ ซบเซาลง แถมพวกเขายังได้ทิ้งสารเคมีอันชั่วร้ายเอาไว้ที่ทำการเปลี่ยนชาวเมืองให้กลายเป็นซอมบี้ร้ายกระหายเลือด
ส่วนของจุดด้อย แม้ว่าทางผู้กำกับบอกว่าพวกเขาจะทำการสร้างภาพยนตร์ที่อ้างอิงจากเกมให้มากที่สุด แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับเป็น “ความห่างไกลจากเกม” มากยิ่งกว่าเดิม หนังเรื่องนี้ผิดพลาดตั้งแต่การคัดเลือกนักแสดงที่เข้ามามีบทบาทแล้ว จนทำให้ตัวละครในเกมกับนักแสดงไปในคนละทิศละทางกันในระดับที่แฟนเกมต้องอุทานออกมาดัง ๆ ว่า “พวกคุณเป็นใครกันเนี่ย!?” แถมการพยายามยัดตัวเอกสองภาคเข้ามาไว้ด้วยกัน ผลคือทำให้บทบาทตัวละครจืดชืดไม่น่าติดตาม
การพยายามยัดเนื้อหาของเกมทั้งสองภาคแรก เข้าไปในหนังสยองขวัญ Resident Evil: Welcome to Raccoon City ผีชีวะ ปฐมบทแห่งเมืองผีดิบ ที่มีเวลาเพียง 1.40 นาที มันเป็นเรื่องที่ใจกล้าบ้าบิ่นจนเกินไป ที่จริงมันก็ทำได้หากมีการเหลื่อมของเวลาอย่างเหมาะสม ซึ่งในเกมทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก แต่ในหนังกลับเหมือนกับพยายามยัด ๆ มันเข้าไปให้พอดีกับเวลาที่มี
ในฐานะที่ผู้เขียนเป็นแฟนเกม Resident Evil ต้องขอยอมรับตามตรงว่าได้คาดหวังเอาไว้กับหนังสยองขวัญ Resident Evil: Welcome to Raccoon City ผีชีวะ ปฐมบทแห่งเมืองผีดิบค่อนข้างมากเลยทีเดียว ดังนั้น เมื่อได้ดูจนจบสิ่งที่ได้พบคือ “ความผิดหวัง” เอาการ
ดังนั้น หนังสยองขวัญ Resident Evil: Welcome to Raccoon City ผีชีวะ ปฐมบทแห่งเมืองผีดิบ อาจจะเหมาะสำหรับคนที่ไม่เคยเล่นเกมมาก่อนในระดับที่พอถูไถไปได้ แต่ถ้าหากใครเคยเล่นเกมมาก่อน ขอแนะนำว่าให้ “ข้ามไปดูหนังเรื่องอื่นก่อน” จะเป็นการดีกว่า ไม่อย่างนั้นอาจจะเสียใจอย่างแรงได้อย่างไม่คาดคิด