What's happening?

Synopsis

One Piece Film: RED (2022)

ความมั่งคั่ง ชื่อเสียงและอำนาจ ผู้ที่ครอบครองทุกอย่างบนโลกใบนี้ก็คือราชาโจรสลัด โกล ดี โรเจอร์ เขาคือมหาบุรุษผู้ปลุกฝันคนทั่วโลกให้เดินทางออกสู่ท้องทะเล เพื่อตามหาสมบัติล้ำค่าที่มีเพียงชิ้นเดียวอย่าง ‘วันพีซ’ One Piece Film: RED (2022) ดูหนังฟรี

ดูหนังออนไลน์ ONE PIECE เป็นเรื่องราวของ มังกี้ D ลูฟี่ เด็กหนุ่มผู้มีคำพูดติดปากว่า “ฉันจะเป็นราชาโจรสลัดให้ได้เลย” เขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ออกทะเลเพื่อตามหา ONE PIECE อยู่เช่นเดียวกัน ในระหว่างที่ออกเดินทางลูฟี่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย พบเจอพวกพ้องที่สำคัญ ได้ปะทะกับศัตรูตัวฉกาจ ผ่านการต่อสู้ที่ทำให้เขากลายเป็นโจรสลัดผู้แข็งแกร่ง และบัดนี้ลูฟี่คือหนึ่งในโจรสลัดที่เขาใกล้มหาสมบัติอย่างวันพีซ ไปอีกก้าวแล้ว ดูหนัง

One Piece Film: RED (2022)

แม้ว่าหนังโรงของ ONE PIECE จะมีมาถึง 14 ภาคแล้ว แต่ THE MOVIE ที่ผู้แต่งอย่าง อาจารย์โอดะ เออิจิโระ (Oda Eiichiro) ได้มีส่วนร่วมนั้นก็มีเพียง 5 ภาคเท่านั้น และนี่ก็ถือเป็นครั้ง 5 ที่อาจารย์โอดะได้มีส่วนร่วมในการสร้างเดอะมูฟวี่ขึ้นมา

เล่าถึงเหตุการณ์ที่กลุ่มโจรสลัดหมวกฟางได้ล่องเรือมาที่เกาะเอเลเจีย เพื่อชมคอนเสิร์ตของ ‘อุตะ’ นักร้องสาวที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของลูฟี่ เธอเป็นลูกสาวของแชงค์ จักรพรรดิโจรสลัดผู้ยิ่งใหญ่ที่มอบหมวกฟางให้กับลูฟี่ โดยลูฟี่ได้พบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเกาะเอเลเจีย มีแต่เรื่องที่ไม่ชอบมาพากล พร้อมกันนั้นในเกาะยังมีโจรสลัดกับทหารเรืออีกมากมายที่พร้อมจะห้ำหั่นกันได้ทุกเมื่อ ทุกคนมาที่เอเลเจียทำไม และความลับที่อุตะเก็บซ่อนไว้คืออะไรแน่ ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของ ONE PIECE FILM: RED ดูหนังออนไลน์ฟรี 2022

ต้องขอบอกเลยว่าในบรรดา 5 ภาคที่อาจารย์โอดะมีส่วนร่วมในการสร้างนั้น FILM: RED นับว่าเป็นภาคที่มีโทนแปลกที่สุด เพราะตามปกติแล้ว เนื้อหาในเดอะมูฟวี่ของ ONE PIECE มักจะเป็นเรื่องราวจบในตอน โดยเป็นอนิเมะแอ็กชันผจญภัยที่ผสมไปด้วยประวัติศาสตร์กับปมปริศนา แต่ทว่า FILM: RED กลับเน้นหนักไปทางดราม่าและมิวสิคัลซะมากกว่า ใช่ครับ ONE PIECE FILM: RED คือหนังมิวสิคัล ฉะนั้นแล้ว หากใครหวังจะไปดู ONE PIECE เดอะมูฟวี่ที่อุดมไปด้วยฉากแอ็กชัน อาจจะต้องทำใจไว้ก่อนว่าภาคนี้จะบู๊กันน้อยกว่าภาคอื่น (นับแค่บรรดา 5 ภาคที่อาจารย์โอดะ มีส่วนร่วมนะ) โดยในส่วนของฉากแอ็กชันก็จะถูกทดแทนด้วยพาร์ตดราม่าและมิวสิคัลของนักร้องอย่างอุตะแทน

One Piece Film: RED (2022)

ในด้านงานเพลงของตัวละครอุตะก็ไม่ได้มาแบบธรรมดานะ เพราะทีมงาน ONE PIECE ได้เชิญนักร้องอย่าง ADO มาร้องให้หนังเรื่องนี้เลยทีเดียว ซึ่งแต่ละเพลงก็บรรจงแต่งมาเพื่อ ONE PIECE FILM: RED โดยเฉพาะ และขนกันมาให้ฟังกันถึง 8 ซิงเกิล แฟนคลับ ADO กับคนชอบฟังเพลง น่าจะฟังกันอย่างจุใจแน่นอน

แต่ทว่าการที่หนังมีเพลงมากมาย ก็นับว่าเป็นข้อเสียเหมือนกัน เพราะหนังต้องการโปรโมตซิงเกิลเหล่านี้ลงไปด้วย ฉะนั้นในบทจึงต้องหาช่องว่างเพื่อยัดซีนร้องเพลงเข้ามาให้ครบ ซึ่งหลายเพลงมันก็มาในจังหวะที่ไม่ถูกต้อง ทำให้อารมณ์ของหนังดรอปลง ส่งผลให้หนังน่าเบื่อในบางครั้ง

ทางเนื้อเรื่องนั้น ภาคนี้ก็ได้หยิบข้อดีของเดอะมูฟวี่ภาคที่แล้วอย่าง One Piece: Stampede มาใช้ นั่นคือการให้ตัวละครเก่า ถูกโยนเข้ามาในสถานการณ์ที่ไม่ควรจะเจอกัน จากนั้นเราก็จะได้เห็นตัวละครเหล่านั้นออกมาแท็กทีมต่อสู้ ซึ่งเป็นแฟนเซอร์วิสที่ไม่ค่อยได้เห็นในภาคหลักกันเท่าไหร่ ทว่าแม้ว่า FILM: RED จะหยิบข้อดีนั้นมาใช้ มันก็เป็นได้แค่การทำซ้ำเนื้อหาเดิมแต่เปลี่ยนตัวละครเท่านั้น แถมหนังยังใช้ประโยชน์ข้อนี้ได้ไม่คุ้มนัก เพราะด้วยการที่ต้องแบ่งแอร์ไทม์ให้อุตะ ทำให้หนังเกลี่ยบทตัวละครออกมาได้ไม่ดีเอาซะเลย

อีกซิกเนเจอร์ที่เราแทบจะต้องยกนิ้วให้ คืองานภาพของ Toei Animation ที่ยังคงเส้นคงวาในฐานะสตูดิโอที่ไม่สนสี่สนแปด กล้าปล่อยงานแอนิเมชันที่ไม่เรียบร้อยออกมาฉายโรง ซึ่งหลายฉากก็เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นงานที่เรียกได้ว่า ‘เผา’ มาฉาย จนแอบสงสัยว่าภาพแบบนี้ พี่แกกล้าเอามาฉายโรงได้ยังไง หลังจากนั้นก็มีอีกหลายซีนที่เผามาให้เห็นจนอดไม่ได้ที่ต้องถอนหายใจแล้วยกนิ้วให้ (ส่วนนิ้วไหนก็ไปคิดกันเอาเองนะ)

แม้หนังจะอุดมไปด้วยเพลง แถมลำดับเนื้อหาได้ไม่ดีจนทำให้ครึ่งแรกนั้นน่าเบื่อเอามาก ๆ แต่หนังก็มาแก้ตัวได้ในช่วงองค์สุดท้ายของเนื้อหา ซึ่งเป็นฉากแอ็กชันที่ระดมตัวละครที่เราแสนคิดถึงออกมาประจัญบานกับบอสในภาคนี้ แถมหนังยังหยอดอีสเตอร์เอ้กที่ทำให้เราคิดถึงซีนเด็ด ๆ ที่เป็นภาพจำในภาคหลักไว้ตลอดทาง ซึ่งฉากแอ็กชันตอนท้ายเรื่องก็เป็นสิ่งที่แฟน ๆ ONE PIECE เห็นแล้วต้องตกใจในความกล้าเล่นใหญ่ของทีมงานแอนิเมชันอย่างแน่นอนที่

อีกจุดเด่นที่ช่วยชูให้ภาคนี้ดีงามขึ้นมาคือตัวละครอย่าง สี่จักรพรรดิโจรสลัดแชงค์ ซึ่งภาคนี้ก็ทำให้เราได้เห็นนิสัยใจคอเขามากขึ้น แถมการปรากฏตัวของเขาในภาคนี้ก็เท่เอามาก ๆ แข็งแกร่งและเหมาะสมกับการเป็นสี่จักรพรรดิอย่างไร้ข้อกังขา ถ้าใครหวังจะเห็นแชงค์ออกมาบู๊เป็นขวัญตา ภาคนี้ถือว่าตอบโจทย์อย่างเต็มอิ่มเลยล่ะ

โดยรวมแล้ว ONE PIECE FILM: RED คือมูฟวี่ที่มีรสชาติแปลกใหม่ ซึ่งอุดมไปด้วยเพลงเพราะ ๆ ที่ชวนฟัง ถึงครึ่งแรกจะดำเนินเรื่องได้ไม่ดี แต่ก็พลิกกลับมาด้วยแฟนเซอร์วิสในช่วงท้าย แม้บทสรุปจะเล่นง่ายจนแอบผิดหวัง แต่ก็เป็นอีกมูฟวี่ที่บอกเลยว่าครึ่งหลัง ‘โคตรอลังการ’

ว่าด้วยเรื่องราวของแก๊งหมวกฟางที่เข้าร่วมงานคอนเสิร์ตของไอดอลสาวที่โด่งดังที่สุดในโลก ชื่อของเธอคือ UTA (อุตะ) เมื่อ UTA เริ่มทำการแสดง ลูฟี่ก็จำได้ว่าเธอคือลูกสาวของแชงค์ส โจรสลัดผมแดงผู้มีพระคุณ และเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานาน
ระหว่างที่ลูฟี่เข้าไปทักทายอุตะ กลุ่มหมวกฟางก็พบว่าเธอกำลังถูกเพ่งเล็งจากกลุ่มโจรสลัดต่าง ๆ โดยเฉพาะกลุ่มบิ๊กมัม ที่ต้องการพลังจากผลปิศาจของเธอ มาลุ้นกันว่าการแสดงคอนเสิร์ตครั้งนี้จะจบลงอย่างไร?

ความสำเร็จของ One Piece Film: REDOne Piece Film: RED เปิดตัวที่ญี่ปุ่นวันแรก รับรายได้จุใจไปถึง 1.06 พันล้านเยน นับเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่เปิดตัววันแรกด้วยรายได้สูงสุดเป็นอันดับที่ 3 ในประเทศญี่ปุ่น รองจาก ‘ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่ ศึกรถไฟสู่นิรันดร์’ และ ‘มหาเวทย์ผนึกมาร 0’ ครองรายได้เปิดตัวสูงสุดใน One Piece Film ทั้งหมด และภาพยนตร์แอนิเมชันทั้งหมดที่ Toei Animation เคยสร้างมา สื่อในประเทศญี่ปุ่นยังรายงานอีกด้วยว่าใน 10 วันแรกที่ภาพยนตร์เข้าฉาย มีผู้ซื้อตั๋วไปชมมากถึง 5 ล้านคนเลยทีเดียว! (มีเราอยู่ในนั้นด้วยคนนึง)

ส่วนเพลง New Genesis ซึ่งใช้ประกอบภาพยนตร์ก็ปังไม่แพ้กัน เพราะครองอันดับ 1 ในชาร์ต Apple Music Top 100 และ Spotify Top 50 ของญี่ปุ่น และพออัลบั้มเพลงออกวางแผงในวันที่ 13 สิงหาคม ก็ยังครองอันดับ 1 ในประเภท CD เพลงของเว็บช็อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอย่าง Rakuten และ Amazon.jp อีกด้วย

เราไปดู One Piece Film: RED หลังเปิดตัวหนึ่งวัน เพราะจองตั๋วไม่ทันวันแรก (ขอโทษนะคะ อ.โอดะ อดเพิ่มรายได้วันแรกให้เลย) เรื่องนี้ที่โรงภาพยนตร์ญี่ปุ่นแถวบ้านมีให้เลือกดู 3 แบบด้วยกันคือ แบบปกติ, IMAX Laser และ 4DMX เราอยากให้ได้อารมณ์มากที่สุด ถ้า UTA ร้องเพลง แสงสีเสียงต้องเหมือนอยู่ในคอนเสิร์ต ถ้าซันจิทำอาหารเราต้องได้กลิ่น หรือถ้าลูฟี่ต่อยใคร เก้าอี้เราต้องสั่นเหมือนถูกต่อยเอง…ก็เลยเลือกไปดูแบบ 4DMX ซึ่งบอกเลยว่าไม่ผิดหวัง

ที่โรงหนังในญี่ปุ่น มักมีการแจกของที่ระลึกแบบจำกัดจำนวนให้ผู้ชมด้วย อย่างเช่นรอบของเราได้รับหนังสือการ์ตูนบาง ๆ เขียนว่า One Piece เล่มที่ 4 พันล้าน ซึ่ง อ.โอดะบอกว่ามาจากเงินค่าหัวของแชงค์ส (แต่เราว่าจริง ๆ แล้วอาจเป็นความหวังลึก ๆ ของอาจารย์ว่าอยากออกถึงเล่มนี้ ฮ่า ๆ) ในเล่มเป็นข้อมูลตัวละครที่ปรากฎในภาคมูฟวี่ ได้ข่าวว่ารอบหลังจะมีการแจกการ์ดเกม One Piece ลายเดอะมูฟวี่ เป็นของที่ระลึกในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวของญี่ปุ่น และหนังสือการ์ตูนที่เป็นเรื่องราวของ UTA โดยเฉพาะด้วย อยากได้จัง เดี๋ยวต้องไปดูอีก

ส่วนที่ไทยจะมีแจกอะไรนั้น ต้องไปลุ้นกัน ใครได้อะไรมาบอกกันได้นะคะ

One Piece Film: RED (2022)

ว่าแล้วก็มาเข้ารีวิวกันเลยดีกว่า ในฐานะแฟน One Piece นี่คือ 5 เหตุผลที่ว่าทำไมถึงควรไปดูภาคนี้เป็นอย่างยิ่ง

1. ได้ข้อมูลเกี่ยวกับแชงค์สมากยิ่งขึ้น

แหงล่ะ ในเมื่อชื่อภาคประกาศโต้ง ๆ ว่า RED ซึ่งหมายถึงโจรสลัดผมแดงอย่างแชงค์ส หรือแชงคูส ที่มักปรากฎในเนื้อเรื่องหลักแบบวูบ ๆ วาบ ๆ เหมือนผี จะมาก็มาไม่สุด มาเยอะที่สุดแค่ตอนย้อนอดีต (ฮา) แต่ในภาคมูฟวี่นี้ เราจะได้รู้จักเขามากขึ้น และได้เห็นสมาชิกกลุ่มโจรสลัดผมแดงแบบเต็ม ๆ รวมถึงฉากการต่อสู้สุดเท่ บอกเลยว่าสมฐานะ 1 ในสี่จักรพรรดิจริง ๆ

แชงค์สผมแดงส่วนตัวแล้วเรารู้สึกว่าฉากของแชงค์สยังน้อยไปเมื่อเทียบกับการโปรโมตภาคนี้ว่าเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับโจรสลัดผมแดง เนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับ UTA ลูกสาวของแชงค์สมากกว่า ถ้าใครไปดูเพราะคาดหวังว่าจะได้เห็นพี่แกเยอะ ๆ อาจต้องทำใจหน่อย


2. ตัวละครใหม่สุดน่ารัก (?) ที่อาจเข้ามามีบทบาทในเรื่องหลัก

แฟนวันพีซคนไหนที่ติดตามช่องยูทูป One Piece Official อยู่น่าจะพอรู้ว่าทางช่องมีการดันตัวละครใหม่อย่าง UTA หนักมาก และใน One Piece Day ที่จัดขึ้นที่บุโดคัง โตเกียว ก็มีการจัดไลฟ์สั้น ๆ ของ UTA ในแบบ 3D ด้วย เรียกได้ว่าเป็นเด็กปั้นในฐานะ Visual Idol/VTuber ของค่ายวันพีซกันเลยทีเดียว

ถ้าให้พูดตามตรง เราไม่ได้ชอบสายนี้ เลยไม่ได้คาดหวังอะไรกับตัวละครตัวนี้มาก ความคิดแรกของเราคือ UTA น่าจะเป็นตัวละครไอดอลสาวน่ารักบอบบางที่กลุ่มหมวกฟางต้องเข้าไปช่วย เหมือนกับเส้นเรื่องของวีวี่, ชิระโฮชิ ฯลฯ ที่ผ่านมา

แต่…!! หลังดูหนังจบ ความคิดของเราก็ต้องพลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้าไปเลย เพราะ UTA เป็นตัวละครที่มีเสน่ห์มาก ไม่ใช่แค่น่ารัก แต่พลังของเธอโหดจัด ๆ จนต้องอ้าปากค้างกันเลยทีเดียว และถือเป็นตัวละครหลักในการดำเนินเรื่องจริง ๆ ไม่ใช่แค่โผล่มาให้ใครช่วย แถมยังมีข่าวลืออีกว่า UTA อาจก้าวเข้ามามีบทบาทในตัวเนื้อเรื่องหลักของวันพีซด้วย

อุตะ One Pieceนอกจากนี้ยังมีอีกตัวละครสุดน่ารักที่จะโผล่มาเรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชม จะเป็นใครนั้น ต้องไปดูกันเอาเองนะคะ ขออุบเซอร์ไพรส์ไว้ก่อน

3. ขนตัวละครเก่า ๆ ที่เรารักมากันเพียบ

One Piece จัดเดอะมิวสิคัลแบบนี้ แน่นอนว่าจะขาดเจ้าแม่มิวสิคัลอย่างบิ๊กมัมแอนด์เดอะแก๊งไปไม่ได้ ใครที่ชื่นชอบกลุ่มโจรสลัดกลุ่มนี้ รวมถึงคุณพี่คาตาคุริสุดเท่ รับรองว่าได้เห็นแน่นอนนอกจากนี้ แน่นอนว่าจะขาดตัวละครรองมือรองเท้ากลุ่มหมวกฟาง เอ้ย! ตัวละครที่เป็นที่รักยิ่งในหมู่แฟน ๆ อย่างทราฟาลก้า ลอว์ และหมีคู่ใจ กับบาโธโลมีโอไปไม่ได้ มี 2 คนนี้อยู่ ฮาแน่นอน One Piece Film: RED (2022)

4. เพลงประกอบคุณภาพสุดปัง

One Piece Film: RED ภาคนี้กึ่ง ๆ จะเป็นมิวสิคัลแบบหนังดิสนีย์ เพราะตลอด 1 ชั่วโมง 55 นาทีของหนัง คุณจะได้ฟังเพลงมากมายจาก UTA โดยผู้ที่อยู่เบื้องหลังเสียงอันทรงพลังคือนักร้องสาวชาวญี่ปุ่นนาม Ado เจ้าของบทเพลงดังอย่าง Ussee wa! (หนวกหูว่ะ!) ที่ถึงแม้จะไม่เคยเปิดเผยหน้าตาออกสื่อ แต่ด้วยเสียงร้องอย่างเดียว เพลงของเธอก็ฮิตติดชาร์ตยอดทะลุล้านวิวทุกเพลง โดยในเดอะมูฟวี่นี้ Ado รับหน้าที่เป็นเสียงร้องของ UTA (ส่วนนักพากย์ จะเป็นคนละคนกัน)

5. ภาพ แสง สี เสียงจัดเต็ม

อย่างที่ได้บอกไปด้านบนว่า เราเลือกไปดูเดอะมูฟวี่ภาคนี้ในแบบ 4DMX ซึ่งในโรงภาพยนตร์ เก้าอี้จะมีการขยับตามฉากต่อสู้ ฉากตกใจ หรือฉากอื่น ๆ , มีการปล่อยเอฟเฟ็กต์ลม กลิ่น น้ำ ทำให้ได้กลิ่นอาหารเวลาที่ลูฟี่กินเนื้อ หรือมีละอองน้ำพ่นใส่ตอนที่จินเบปล่อยพลัง และในฉากการแสดงคอนเสิร์ตของ UTA ก็มีการแสดงไฟกระพริบวูบวาบเหมือนกับอยู่ในคอนเสิร์ตจริง ๆ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ฟินมาก ๆ เหมือนเราได้ก้าวเข้าไปอยู่ในโลกนั้น ถ้าประเทศไทยมีฉายแบบ 4D ด้วยขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งเลยค่ะ

แต่สำหรับใครที่คิดอยากไปดูแบบธรรมดา ก็ไม่ต้องข้องใจไปว่าคุณภาพแสง สี เสียงที่ว่าจะลดลงมากหรือเปล่า เพราะเท่าที่ไปส่องคอมเมนต์ของชาวญี่ปุ่นในโลกโซเชียล ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเสียงในภาพยนตร์ทำออกมาดี อลังการงานสร้างมาก จนทุกครั้งที่ UTA ร้องเพลงต้องขนลุกไปตาม ๆ กัน หรือบางคนบอกว่าอย่างกับอยู่ในคอนเสิร์ต อยากลุกขึ้นยืนปรบมือขึ้นมาเลย

สรุป สำหรับเราภาคนี้ให้คะแนนความประทับใจ 9/10 เพราะแสงสีเสียงที่อลังการงานสร้าง เนื้อเรื่องสนุก และตัวละครที่มีเสน่ห์ และที่สำคัญ เราชอบภาพยนตร์แนวมิวสิคัลอยู่แล้ว เลยปลื้มการดำเนินเรื่องแบบมีเพลงประกอบอย่างภาคนี้เอามาก ๆ
ส่วนที่หักไป1 เพราะรู้สึกว่าเนื้อเรื่องค่อนข้างดำเนินเร็วเมื่อเทียบกับองค์ประกอบความเข้มข้นที่พยายามใส่เข้ามา แล้วก็ไม่ได้โฟกัสที่แชงค์สมากเท่าที่โปรโมตไว้

Director

Director

Cast

Similar titles

An American Werewolf in Paris คืนสยองคนหอนโหด
Mortal Kombat (2021) มอร์ทัล คอมแบท
Goal Club (2001) เกมล้มโต๊ะ
Beauty and the Beast: A 30th Celebration (2022) บรรยายไทย
Pokemon The Movie 22 (2019) โปเกมอน เดอะมูฟวี่ 22 ความแค้นของมิวทู อีโวลูชัน
Buddy Cops (2016) คู่หูตำรวจฮา
Wish พรมหัศจรรย์ (2023)
The Point Men (2023) ล็อคเป้าตาย ค่าไถ่หยุดโลก
Leio (2022) ไลโอโคตรแย้ยักษ์
Death Chasing (2021) ล่ามรณะ
Lone Survivor ปฏิบัติการพิฆาตสมรภูมิเดือด
Extraction 2 (2023) คนระห่ำภารกิจเดือด 2

Leave a comment

Name *
Add a display name
Email *
Your email address will not be published