โทมัสรู้ว่าเหล่า Wicked นั้นไม่สามารถเชื่อใจได้ แต่พวกเขาบอกว่าเวลาแห่งการโกหกนั้นได้จบสิ้นลงแล้ว พวกเขาได้สิ่งที่ต้องการทั้งหมดจากวงกตและเหล่า Gladers เป็นที่เรียบร้อย Maze Runner The scorch Trials เมซ รันเนอร์ ด้วยความทรงจำที่กลับคืนมาทั้งหมด โทมัสได้เข้าร่วมภารกิจสุดโหดหิน เพื่อให้เหล่า Gladers ได้เติมเต็มพิมพ์เขียวของการรักษาโรคไข้แฟลร์ แต่ Wicked ไม่รู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นนอกเหนือจากที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้ โทมัสสามารถจดจำได้มากกว่าที่พวกเขาคิด และเขารู้ว่าเขาจะไม่สามารถเชื่อคำพูดของ Wicked ได้อีกต่อไป ดูหนัง
เวลาแห่งการโกหกจบลงแล้ว แต่ความจริงนั้นอันตรายมากกว่าที่โทมัสจะจินตนาการได้ จะมีใครสามารถรอดไปจาก Death Cure ได้หรือไม่?
ถือเป็นอีกเรื่องที่สานต่อจาก The Maze Runner ภาคแรกที่ฉายไปเมื่อปีที่แล้ว กระแสตอบรับค่อนข้างไปทางไม่ปลื้มซักเท่าไหร่ แต่จากรายได้ที่พอไปวัดไปวาได้ ทางค่ายเลยไฟเขียวสร้างภาคต่อทันทีเพราะหวังว่าการตีเหล็กในช่วงที่ยังร้อนๆน่าจะพอช่วยพยุงตัวหนังภาคต่อเอาไว้บ้าง ซึ่งส่วนตัวก็แอบหวั่นๆ เพราะค่ายนี้ทำแฮททริคหนังป่วยติดๆกันมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น F4 เวอร์ชั่นล่าสุด หรือแม้กระทั่ง Hitman รีบูท
จากภาพและโปสเตอร์ที่ปล่อยออกมา (โดยเฉพาะโปสเตอร์อันล่าสุดที่ใช้กันแพร่หลายทั่วไป) ถึงขั้นกุมขมับว่าทำไมฝ่าย AW เรื่องนี้ถึงได้ออกแบบโปสเตอร์หลักออกมาได้ห่วยคงเส้นคงวามาก จนทำให้ก่อนไปชมถึงกับทำใจให้ว่างทิ้งทุกอย่างไว้บ้านแล้วไปสนุกกับตัวหนังเลยทีเดียว ก่อนชมแอบไปส่องความยาวหนังมา ร่วมๆ 2 ชั่วโมงครึ่ง (หูยแม่เจ้า) ภาคแรกชั่วโมงกว่าๆเอง สงสัยภาคนี้ถ้าหนังบทไม่แน่นจริง คงเป็นอีก 1ความล้มเหลวของค่ายนี้แน่นอน ดูหนังออนไลน์
หลังจากที่ได้ชมตัวหนังทั้งเรื่อง ต้องขอบอกเลยว่า ตัวหน้ากล้าที่จะเปลี่ยนโทนหนังมาทางแนวนี้จริงๆเพราะเป็นแนวที่ตลาดกลาดเกลื่อนมากโดยเฉพาะหนังยุคหลังๆ แต่!มันเป็นความตลาดๆที่น่าติดตามตลอดทั่งเรื่อง ไม่ปฏิเสธเลยว่าฉากไล่ล่า หรือวิ่งหนีเอาชีวิตรอดจากพวกแคร้งนั้น ทำเอาหัวใจเต้นแรงๆทุกฉากไปเลย ตัวหนังเดินเครื่องแบบเต็มสูบมากตลอดทั้งเรื่อง เนื้อหาเน้นๆมาเต็มๆ ไม่น่าเบื่อ (ส่วนตัวคิดว่ามันNon-Stopระดับน้องๆ Mad max 2015 เลยทีเดียว)
ถึงแม้จะดูดีเพอร์เพคในความเป็นหนังตลาดๆที่แฟนๆคนไทยต้องชอบแน่ๆ แต่ไม่วาย การวางปมการเฉลยปมในเรื่องนั้น มันดูแห้งๆมากเลยทีเดียว ไม่เหมือนภาคแรกที่ทำได้ดีในส่วนนี้ ซึ่งการผูกปมของเนื้อเรื่องน่าจะเว้นระยะให้คนดูสงสัยและติดตามพร้อมเดาเนื้อเรื่องล่วงหน้าไปก่อนซักพักก่อนที่จะตบท้ายด้วยการเฉลยปมต่างๆให้หายข้องใจ กลับกลายเป็นว่าในภาคนี้ ผูกปมปุ๊ป แป๊ปๆก็เฉลยปั้บแบบให้มันผ่านๆไป สุดท้ายหนังตัดจบได้แบบว่า ลองนึกถึงฟิลคนดูที่พึ่งชม Hunger Games Catching Fire หรือ Hobbit Desolation of Smaug จบเลยทีเดียว อยากให้ภาค 3 ฉายต่อไว้ๆ
ด้าน 3D และ CG ภาคนี้ถือเป็นภาคแรกที่มีการฉายในระบบนี้ ต้องขอบอกเลยว่า คุ้มจริงๆ เพราะแค่ฉากแรก เกล็ดหิมะก็ลอยออกมากระแทกตากันแล้ว ส่วนเอฟเฟค 4DX ถ้าใครชอบการกระแทกๆของเก้าอี้อาจจะไม่พอใจเท่าไหร่เพราะมีพอประมาณไม่ได้เยอะแยะแบบเรื่องอื่นๆ ที่เรียกได้ว่าเขย่าซะตกเก้าอี้เลยทีเดียว
สรุปเรื่องนี้ถึงแม้จะไม่เพอร์เฟคสุดๆในแบบที่น่าจับตามอง แต่มันก็ตอบโจทย์หนังที่ให้ความบันเทิงได้ดีทีเดียว ซึ่งมีเปอร์เซนที่จะทำรายได้ชนะภาคแรกได้ไม่ยาก 8/10 สาววายไม่ต้องห่วง หนุ่มๆจากภาคแรกยังมีโมเม้นท์ให้สาววายจิ้นได้เสมอ
เอาล่ะ เพื่อไม่ให้ทุกท่านที่อ่านเกิดความคาดหวังอย่างผิดๆ ผมก็ต้องขออธิบายก่อนครับว่า หนังอาจจะไม่ได้สุดยอดถึงขั้นไร้ที่ติ ดูหนังฟรี แต่สำหรับผมแล้ว หนังทำออกมาได้สนุก ดูเพลิน เป็นภาคต่อที่น่าพอใจเลยล่ะครับ คือมีครบทั้งความระทึก ตื่นเต้น แอ็กชัน ลึกลับ ไซไฟ บางช่วงมีอารมณ์สยอง บวกด้วยปมดราม่าเบาๆ และที่สำคัญคือหนังมีฉากไคลแม็กซ์ที่มันได้อารมณ์ “ไคล์แม็กซ์” จริงๆ
และตอนจบ มันก็จบแบบ… “ทำไมภาค 3 ไม่ฉายต่อพรุ่งนี้เลยฟะ!”
ผมนั้นชอบภาคแรกมาก อย่างที่เคยบอกไว้นั่นแหละครับ มันสนุกและน่าติดตามดี ครั้นมาภาค 2 ก็ยังน่าติดตามอยู่ครับ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือภาคนี้ปริศนาอาจไม่ได้เยอะเท่าภาคก่อน หนังมันจะออกแนวเดินทางผจญภัยในที่รกร้างมากกว่าจะเป็นการแก้ปริศนาฝ่าด่านแบบครั้งที่แล้ว
สิ่งหนึ่งที่ผมแอบคิดในใจก่อนดูคือ “หนังภาคนี้จะยังน่าสนใจอยู่ไหม?” เพราะภาคแรกที่ผมชอบก็เพราะมันมีวงกตที่ลึกลับ มีอะไรก็ไม่รู้รอให้เราค้นหา ซึ่งฉากในวงกตมันก็แปลกตาผสมอารมณ์หลอนหน่อยๆ ในขณะที่ภาคนี้ฉากหลังมันจะออกแนวที่รกร้างกลางทะเลทราย หรือไม่ก็เมืองที่เหลือแต่ซาก ซึ่งมันก็อาจไม่ได้อารมณ์ “แปลกๆ หลอนๆ” แบบภาคแรก เพราะหนังไซไฟโลกอนาคตส่วนมากก็ชอบใช้ฉากทะเลทรายหรือไม่ก็ซากเมืองจนคอหนังแนวนี้ (อย่างผม) แทบจะชินตาไปแล้ว
แต่ผลที่ได้คือ มันยังน่าสนใจอยู่ครับ โอเค ฉากอาจไม่แปลกตาหรือไม่ดึงดูดเท่าภาคแรก แต่เนื้อเรื่องยังสนุกอยู่ การผจญภัยมันยังตื่นเต้นและมีลุ้นอยู่ ซึ่งตลอดทั้งภาคนี้เราก็จะได้เห็นโธมัส (Dylan O’Brien) กับผองเพื่อนหนี หนี แล้วก็หนีกันตลอดครับ แต่มันเป็นการหนีที่ได้อารมณ์ตื่นเต้นนะ อาจมีบ้างบางตอนที่ดูเรื่อยๆ แต่ก็ไม่มากครับ
ถ้าถามว่าผมแอบเบื่อช่วงไหน ก็คงเป็นช่วงที่โธมัสต้องเข้าไปในปาร์ตี้น่ะครับ รู้สึกเรื่องมันไม่ค่อยไปไหนเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นฉากอื่นๆ นอกจากนี้ ผมว่าก็น่าติดตามดีครับ
ด้านดาราก็ไม่มีปัญหาครับ เล่นได้ลื่นทุกคน O’Brien ในบทโธมัสก็ยังเป็นตัวเด่นเช่นเดิม แต่ภาคนี้เขาอาจไม่ค่อยได้แสดงความเด่นแบบฮีโร่เท่าภาคแรก เช่นเดียวกับตัวละครอื่นๆ ที่อาจไม่มีใครเด่นไปกว่ากันนัก มันเหมือนภาคนี้หนังให้ตัวละครเดินเรื่องแบบ “เป็นกลุ่ม” น่ะครับ คือไม่มีใครเด่น แต่จะไปด้วยกันพร้อมๆ กันหมดทั้งกลุ่ม เห็นหน้าทุกคนพอกัน ไม่ว่าจะ เทเรซ่า (Kaya Scodelario), นิวท์ (Thomas Brodie-Sangster) หรือ มินโฮ (ตู่ ภพธร เอ้ย Ki Hong Lee)
ส่วนดารารุ่นใหญ่ก็คล้ายกันครับ เล่นดีแต่ดีกรีความเด่นไม่มีใครเกินหน้ากัน ไม่ว่าจะ Aidan Gillen, Lili Taylor, Barry Pepper และ Giancarlo Esposito แต่ถ้าจะมีใครเด่นเกินหน้าชาวบ้านล่ะก็ ผมว่าคือ Patricia Clarkson ในบท เอวา เพจ ส่วนหนึ่งอาจเพราะเครื่องแต่งกายที่ดูดีสุด กับท่าทางที่ดูนิ่งสงบมีบารมี และกุมความลับไว้มากมายเหลือเกิน เว็บดูหนัง
ขอชม Wes Ball เลยครับ คุมหนังได้ดีมาก แม้ว่ามันอาจจะไม่ถึงขั้นมีสไตล์โดดเด่น แต่ถ้าในแง่หนังบันเทิงแนว Blockbuster ล่ะก็ จัดว่าหนังผ่านเกณฑ์อย่างสวยงาม ดูได้สนุกตั้งแต่ต้นจนจบ และมีไคลแม็กซ์ที่ดึงอารมณ์ได้แบบครบ ทั้งมันส์+ลุ้น+ซึ้ง+กินใจ+ สับสน คือมาเต็มเลยน่ะครับ และเพราะคุณความดีของฉากที่ว่านี่แหละที่ทำให้ผมอยากดูภาคต่อโดยไวเลย
โดยส่วนตัวผมยังแอบชอบภาคแรกมากกว่านิดหนึ่งน่ะครับ อาจเพราะมันมีความลึกลับเป็นตัวดึงความสนใจมากกว่า ในขณะที่ภาคนี้ออกแนวแอ็กชันผจญภัย ซึ่งมันสนุกนั่นแหละครับ เพียงแต่เสน่ห์ความลึกลับแบบภาคแรกอาจไม่มากเท่านั้นเอง
คงขึ้นอยู่กับเราชอบแบบไหนน่ะครับ ถ้าชอบแนวไซไฟลึกลับไขปริศนาก็คงปลื้มภาคแรกมากกว่า แต่ถ้าชอบผจญภัยลุยไปเรื่อยๆ ก็น่าจะถูกเส้นกับภาค 2 มากกว่า
แต่ถ้าให้สรุป ผมก็ชอบมันทั้ง 2 ภาคน่ะครับ และคงตามชอบไปจนถึงภาคจบเลยล่ะ (ถ้ามาตรฐานอยู่ในระดับนี้ต่อไปตลอดน่ะนะครับ)
ผมไม่เคยอ่านนิยายครับ เลยคงไม่เปรียบเทียบอิงอะไรกับฉบับนิยาย ผมบอกได้แค่ว่าหนังสนุกหรือไม่ ซึ่งคำตอบก็คือสนุก ถ้าใครดูภาคแรกแล้วชอบ ก็ขอให้ดูภาค 2 เลยครับ เชื่อว่าไม่น่าจะผิดหวังกัน ส่วนผมนี่ก็รอซื้อเก็บตอนออกแผ่นเรียบร้อย
สุดยอดหนังทำเงินในตอนนี้ ที่มาระเบิดความมันส์มหากาฬอย่าง Maze Runner : Scorch Trials ซึ่งภาคนี้ไม่จะทำให้ผิดหวังเพราะนักเเสดงนำจากภาคที่เเล้วก็ขนกันมาครบเซท ทำเอาสาวๆต้องตามฟินกันจากภาคเเรก
โดยเฉพาะหนุ่ม Dylan O’Brien ที่ดังเปรี้ยงปร้างจากภาคเเรกกันเลยทีเดียว เเต่คราวนี้กลับมาก็ไม่ได้ทำให้สาวๆผิดหวังเช่นกัน เพราะความเป็นผู้นำของฮีเปร่งประกายมากจ้าในภาคนี้
อีกหนึ่งหนุ่มเกาหลีขวัญใจสาวทั่วโลกตอนนี้ เห็นจะเป็นใครไม่ได้ นอกจาก Ki Hong Lee ผู้นี้ เเต่ในภาคนี้มินโฮอาจจะบทบาทไม่โด่ดเด่นเท่ากับโธมัสพระเอกเราในเรื่องเท่าไหร่ เเต่ก็ยังพอฉากให้ฮีโชว์บู๊ทพอกรุบกริบยังกับจาพนมอยู่บ้าง
เเละสุดท้าย Thomas Brodie-Sangster หนุ่มคู่จิ้นในเรื่องที่ภาคนี้เเทบจะบทบาทน้อยยยยยเหมือนเเค่ร่วมผจญภัยเเละเจออุปสรรคร่วมกันกับกลุ่มเพื่อนๆมากกว่า ต่างจากภาคเเรกซึ่งเป็นคนมีอำนาจตัดสินใจในชุมชนเขาวงกต จะทำอะไรก้ต้องมีนิวท์ออกความเห็นทุกครั้ง[Trailer/ตัวอย่าง/เรื่องย่อ]Maze Runner : Scorch Trials (เมซ รันเนอร์: สมรภูมิมอดไหม้)
ส่วนสาวนางสุดท้าย Kaya Scodelario เด็กสาวลึกลับเพียงคนเดียวที่หนีรอดมากับกลุ่มของโธมัสด้วย ที่เเท้เเล้วนางเป็นคนรักของโธมัสจ้าา
ในภาคนี้ถ้าจะบอกว่าควรดูมั้ย ก็ไม่อยากให้พลาดเช่นกัน เพราะโดยเนื้อหาของเรื่องถือว่าธรรมดา ซึ่งออกไปทางสงครามระหว่างคนกับคนซะมากกว่า เเต่ชั้นเชิงของการเล่าเเละเเอฟเฟคของหนังทำออกมาได้ดีมากกก ขนาดเเเค่ตอนวิ่งหนี คนดูยังเหนื่อยตาม ลุ้นไปด้วยจะรอดมั้ย ระทึกตลอด ซึ่งถือว่าประสบผลสำเร็จไปเเล้วกับพอตเรื่องขนาดนี้ เว็บดูหนังฟรี
เรื่องราวจะเป็นเนื้อหาภาคต่อจากภาคที่เเล้วเลย หากใครไม่ได้ดูอาจจะ เกาหัวเเกลๆว่า องค์กรนี้คืออะไรเเว้!! เเล้วเด็กพวกนี้มันมาจากไหนทำไมถึงสำคัญจนองค์กรนี้ต้องการตัว เเนะนำๆให้ดูภาคเเรกก่อนนะจ๊ะ จะได้ไม่เป็นภาระของคนข้างๆ5555 ต่อๆ…
เรื่องเริ่มที่กลุ่มเด็กจากทุกเขาวงกตที่รอดชีวิตมาได้มารวมตัวอยู่ที่ศูนย์เเห่งหนึ่งที่ซึ่งออกตัวว่าดูเเลเเละคอยป้องกันเด็กๆจากกลุ่มองค์กรไม่ดี เเต่เรื่องดันพลิก เมื่อเด็กใหม่ในภาคนี้นำพาโธมัสได้ล่วงรู้ถึงความลับบางอย่างที่ศูนย์เเห่งนี้กำลังทำอยู่ ทำให้โธมัสต้องต่อสู้เเละพากลุ่มเพื่อนของเขาหนีออกมาจากศูนย์เเห่งนี้อีก
ความสนุกของภาคนี้จะอยู่ที่การวิ่งหนี หนี เเล้วหนี มิน่าทำไมมันชื่อรันเนอร์ มันเล่นวิ่งท้ังเรื่อง เริ่มจากหนีออกจากศูนย์เเล้วยังต้องหนีพวกเเคร้ง!! พวกเเคร้งคือไร? พูดง่ายๆคือกลุ่มคนติดเชื้อหลังการมอดไหม้ของโลก คนที่รอดชีวิตก็จะสร้างกลุ่ม เเบ่งเเยกเพื่อความอยู่รอด ส่วนพวกติดเชื้อก็จะมีลักษณะเเบบซอมบี้!! ใช่อ่านไม่ผิด คล้ายซอมบี้เลยจ้า เเต่ของเรื่องนี้ วิ่งเร็วโคตะระ อย่าให้โดนกัดหรือข่วนเชียว จะติดเชื้อตาม ซึ่งในเรื่องหนึ่งในกลุ่มของโธมัสก็ต้องมีตายกันบ้างเนอะ ไม่ง้านก็โอเวอร์เต็มที เเต่จะเป็นใครก็ต้องตามไปดูกันเองนะจ๊ะ อิอิ
เเต่การหนีของพวกเขาก็ทำให้พบกับพันธมิตรใหม่เป็นฝ่ายต่อต้าน กลุ่มคนเหล่านั้นช่วยเหลือเเละรับพวกโธมัสเข้ากลุ่ม เเต่เรื่องยังไม่ทันไร สาวเทเรซ่าก็ทำเสียเเผนซะนี่ ทำให้ทุกคนตกที่นั่งลำบาก จนต้องเผชิญกับการโจมตีของฝ่ายองค์กรลับเเละสุดท้ายมินโฮสุดหล่อต้องโดนจับตัวกลับไป กรี๊ดดด เเบบบนี้ เพื่อนๆจะยอมได้อย่างไร ต้องฟอร์มทีมกันไปช่วยเหลือโดยด่วน จนเป็นบททิ้งท้ายในภาคต่อ