What's happening?

Last Seen Alive(2022)แอ็กชันทริลเลอร์ธรรมดา

Last Seen Alive(2022)แอ็กชันทริลเลอร์ธรรมดา

Your rating: 0
5 1 vote

Synopsis

Last Seen Alive(2022)แอ็กชันทริลเลอร์ธรรมดา

อันดับหนังยอดนิยมของ Netflix นี่มักจะมีอะไรให้เซอร์ไพรส์เราได้อยู่เรื่อย ๆ เลยครับ หนังบางเรื่องก็เป็นหนังเล็ก ๆ ทุนต่ำที่เราก็ไม่คุ้นกับหน้าหนัง หรือแทบไม่เคยได้ยินเวลาอัปเดตข่าวฮอลลีวูดด้วยซ้ำไป ซึ่ง ‘Last Seen Alive’ หนังแอ็กชันเรื่องนี้ก็เข้าข่ายนั้น ดูหนังออนไลน์ฟรี 2022 ทั้ง ๆ ที่ตัวหนังเข้าฉายที่สหรัฐอเมริกามาตั้งแต่เดือนมิถุนายนแล้ว แถมตัวหนังก็ไม่ได้เข้าฉายในไทยอีกต่างหาก ดูหนัง คือเรียกว่าออกจากโรงนอกยิงตรงมาเข้า Netflix เลย แต่แม้ว่าจะเป็นหนังเล็กทุนต่ำ Last Seen Alive(2022)แอ็กชันทริลเลอร์ธรรมดา ดูหนังออนไลน์

แต่ตัวหนังก็มีดาราแม่เหล็กให้อุ่นใจ ทั้ง เจอราร์ด บัตเลอร์ (Gerard Butler) พ่อหนุ่มนักรบสปาตาขวัญใจชาวไทย จาก ‘300’ (2006) และ เจมี อเล็กซานเดอร์ (Jaimie Alexander) นักแสดงสาวเจ้าของบท เลดีซิฟ (Lady Sif) จากหนังแฟรนไชส์ ‘Thor’ ของค่าย Marvel ดูหนังฟรี

Last Seen Alive(2022)แอ็กชันทริลเลอร์ธรรมดา

ส่วนชื่อชั้นของผู้กำกับ ไบรอัน กูดแมน (Brian Goodman) เองจริง ๆ ก็ถือว่าพอมีเครดิตอยู่บ้างทั้งในฐานะนักแสดงที่เราคุ้น ๆ ทั้งในบทบทพันตรีบอสเวลล์ (Major Boswell) พ่อของ ฌอน บอสเวลล์ (Sean Boswell) ใน ‘The Fast and the Furious: Tokyo Drift’ (2006) และบทเจ้าของโมเต็ลใน ‘Catch Me If You Can’ (2002) แต่ก็ต้องยอมรับว่าเราคนไทยตาดำ ๆ อาจจะไม่ได้คุ้นตาเขาในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์ที่เคยผ่านงานกำกับมาแล้วมากนัก โดยเฉพาะผลงานกำกับหนังที่ไม่คุ้นชื่อคนไทยเท่าไหร่ ทั้ง ‘What Doesn’t Kill You’ (2008) และ ‘Black Butterfly’ (2017)

‘Last Seen Alive’ เป็นหนังที่ว่าด้วยเรื่องของ วิล สแปนน์ (Gerard Butler) ชายหนุ่มธรรมดา ๆ ผู้ทำอาชีพนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่มีภรรยาชื่อ ลิซา สแปนน์ (Jaimie Alexander) ทั้งคู่เผชิญความสัมพันธ์ที่กำลังอยู่ในช่วงตึง ๆ เพราะว่ากำลังจะหย่าร้างกัน วิลขับรถพาลิซาไปส่งที่บ้านของเธอเพื่อพักใจ แต่เมื่อใกล้ถึงจุดหมาย วิลขับรถแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมัน ส่วนลิซาเดินไปซื้อน้ำดื่มที่มิมิมาร์ต ดันกลายเป็นว่า เมื่อวิลเติมน้ำมันเสร็จ ลิซาก็พลันหายตัวไปอย่างลึกลับ แถมดันไปจุดให้นักสืบแพตเตอร์สัน (Russell Hornsby) สงสัยในความไม่ชอบมาพากลของวิลไปเสียอีกแน่ะ วิลจึงต้องตะลุยเดี่ยวเสี่ยงตายเดินทางตามหาภรรยาด้วยตัวเอง

แน่นอนว่าไอ้หนังประเภทแฟนหาย เมียหายอะไรพวกนี้นี่ไม่ใช่ของใหม่ในฮอลลีวูดเสียทีเดียวนะครับ ถ้าเป็นยุคใหม่ ๆ ก็ต้องนึกถึงหนังทริลเลอร์ ‘Gone Girl’ (2014) ที่สามารถบิดความเป็นทริลเลอร์ไปสู่หนังแนวจิตวิทยาได้อย่างน่าทึ่งมาก หรือถ้าเอาแบบเก่า ๆ บ้าน ๆ หน่อย ก็ต้องย้อนไปถึงหนังเรื่อง ‘The Vanishing’ ทั้งเวอร์ชันต้นฉบับปี 1988 และฉบับรีเมกปี 1993 ที่พล็อตว่าด้วยเรื่องเมียหายที่ปั๊มน้ำมันเหมือนกันแบบเด๊ะ ๆ เลย

ส่วน Gone Girl กับเรื่องนี้ก็มีพูดถึงประเด็นที่ฝั่งสามีโดนตกเป็นผู้ต้องสงสัยเสียเองเหมือนกันอีก ซึ่งผู้เขียนเองก็ไม่แน่ใจว่างานนี้ผู้กำกับเองได้แรงบันดาลใจมาจากหนังเหล่านี้มาแบบตรง ๆ หรือไม่อย่างไร แต่สิ่งที่ต่างกันแน่ ๆ เลยคือ ตัวหนังเองนั้นมีวิธีการเล่าด้วยการเล่าแบบเรียลไทม์นะครับ คือพยายามเล่าคุมพล็อตเรื่องให้เกิดขึ้นภายในไม่เกินวัน ไม่ได้หายแบบนานเป็นหลาย ๆ ปี แม้ว่าในหนังเองจะบอกเวลาเอาไว้เพียงแค่เป็นกิมมิกเฉย ๆ ไม่ได้เป็นเงื่อนไขบีบบังคับด้านเวลากับตัวละครอะไรเป็นพิเศษ

จริง ๆ แล้วตัวหนังในองก์แรกนี่ถือว่าก็ยังพอจะโน้มน้าวให้ติดตามต่อได้นะครับ ด้วยองค์ประกอบของความเป็นทริลเลอร์จิตวิทยาที่อุตส่าห์ปูเรื่องไว้ว่าผัวเมียคนหนึ่งจะเลิกกัน ความเชื่อใจที่มีต่อกันก็จืดจางลง พอถึงจุดที่จะต้องจากกัน แต่เมียดันหายไปซะอย่างนั้น แถมเป็นการหายไปอย่างลึกลับโดยที่ไม่มีข้อมูลเบาะแสอะไรเลยด้วย มันก็เลยมีความน่าติดตามอยู่ มีความเป็นทริลเลอร์ผสมจิตวิทยาที่ค่อย ๆ ปูเรื่องเพิ่มความระทึก เพิ่มความตึงเครียดเข้ามาทีละน้อย

Last Seen Alive(2022)แอ็กชันทริลเลอร์ธรรมดา

แต่กลายเป็นว่าตัวหนังก็เริ่มมีกลิ่นทะแม่ง ๆ ตอนเข้าองก์ที่ 2 ช่วงที่เริ่มมีตำรวจเข้ามาเอี่ยวด้วยนี่แหละครับ เพราะพอตัวละครเริ่มมากขึ้น ตัวหนังก็เริ่มมีกลิ่นทะแม่ง ๆ เพราะตัวหนังเริ่มจะขับเคลื่อนไปด้วยความไม่สมเหตุสมผลของตัวละครเป็นส่วนใหญ่ไปเสียอย่างนั้น ไม่ว่าจะทั้งตัวเอกหรือตัวรอง ล้วนแล้วแต่ทำอะไรอย่างใจอยากโดยที่ไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุหรือมูลเหตุจูงใจมากเท่าที่ควร ทั้งตัวของวิลที่ไม่ได้กระทำอะไรผิด แต่ก็ดันตัดสินใจทำในสิ่งที่พาให้ตำรวจสงสัย ส่วนคุณนักสืบเองก็ดูจะสงสัยเกินเบอร์ทั้ง ๆ ที่วิลเองก็ยังไม่ได้มีมูลเหตุอะไรที่บ่งชี้ชัดเจนว่าน่าสงสัยจะเป็นคนก่อเหตุซะเองอะไรขนาดนั้น

จนกระทั่งตัวหนังลากมาจนถึงครึ่งหลัง ตัวหนังก็เริ่มคลายจากทริลเลอร์จิตวิทยา กึ่งสืบสวนสอบสวน ไปเป็นหนังแอ็กชันไล่ล่าแบบเต็มตัว ซึ่งถ้าดูหนังแล้วคิดตามก็จะพอเห็นนะครับว่า ด้วยเส้นเรื่องที่ปูเรื่องไว้ลึกลับมากพอที่จะส่งไปถึงไคลแม็กซ์และบทสรุปที่มีศักยภาพมากพอในการที่จะขมวดแล้วไปหักมุมแบบช็อกแตกได้ แต่สุดท้ายแล้ว แม้ฝีมือการบู๊ของ เจอราร์ด บัตเลอร์ จะแบกหนังไว้ได้แบบพอเอาตัวรอด แม้ว่าจะมีความเก่งกาจเหนือกว่าคนธรรมดาอย่างที่ตัวหนังได้ปูไว้อยู่นิด ๆ

แต่สุดท้ายโดยรวม ๆ แล้วก็เป็นหนังแอ็กชันไล่ล่าตามขนบที่ดำเนินเรื่องแบบกลาง ๆ ไม่ได้ถึงกับชวนให้ระทึกใจ เร้าใจและระห่ำขั้นสุด ปมความน่าสงสัยของวิล (ว่าน่าจะก่อเหตุลักพาตัวเมียไปเอง) ก็ไม่ได้มีน้ำหนักมากเพียงพอ

เป็นเพียงข้อสงสัยเวอร์ ๆ ของนักสืบคนหนึ่ง ทำให้ตัวหนังเป็นเพียงแอ็กชันที่ไล่ล่าจนไปเจอกับต้นตอของการลักพาตัวภรรยาที่สุดท้ายแล้ว ตัวหนังเฉลยสาเหตุได้โคตรจะธรรมดามาก ๆ ก่อนที่ตัวหนังจะเลือกสรุปจบด้วยวิธีการธรรมดา ๆ ที่ไม่ชวนให้รู้สึกสะเทือนซึ้งใจ เอาใจช่วย และมันก็แทบจะไม่กลายมาเป็นที่จดจำด้วย

อีกจุดที่น่าเสียดายของตัวหนังก็คือปมเกี่ยวกับการหย่าร้างของทั้งคู่ครับ ซึ่งจริง ๆ แล้วมันก็ถือว่าเป็นอีกปมหนึ่งที่สามารถเอามาขยี้ต่อได้ แต่มันน่าเสียตายเพราะตัวหนังผลักให้ปมนี้กลายเป็นเพียงเหตุการณ์ Flashback ข้างเคียงโดยที่ไม่ได้มีผลอะไรต่อเนื้อเรื่องหรือแรงจูงใจของตัวละครมากนัก พอไม่ได้รับการขยี้มากพอ พาร์ตดราม่าก็เลยกลายเป็นเพียงน้ำจิ้มนิยายชีวิตคู่ข้างเมนูเมนคอร์สที่ตัวหนังพยายามใส่มาเพื่อเพิ่มมิติให้ตัวหนังที่ไม่ได้มีน้ำหนักและไม่ได้รับการเล่าให้สุดทาง

โดยสรุป ‘Last Seen Alive’ เป็นหนังแอ็กชันทริลเลอร์ทุนต่ำที่มีปัญหาเรื่องบทที่ไม่สามารถคุมเรื่องให้ไปสุดได้สักทาง เป็นหนังที่ฉากแอ็กชันสนุกพอควร แต่ก็ไม่อาจจะไปถัวเฉลี่ยกับพาร์ตดราม่าที่ไม่มีน้ำหนัก พาร์ตจิตวิทยาที่ยังไปได้ไม่ถึง พาร์ตทริลเลอร์และปมเรื่องที่ไม่ซับซ้อนจนเรียกได้ว่าธรรมดา และจบอย่างไม่มีน้ำหนักและไม่ทิ้งจุดเด่นอะไรให้จดจำเลยแม้แต่น้อย ตัวหนังก็เลยทำออกมาได้สนุกแบบกลาง ๆ ในแบบที่ต่อให้วิลจะหาเมียเจอแล้ว แต่คนดูอาจยังมะงุมมะงาหราหาอะไรบางอย่างในหนังไม่เจอไปอีกพักใหญ่ ๆ

Last Seen Alive ผลงานการกำกับล่าสุดของ Brian Goodman อดีตนักแสดงที่เพิ่งผันตัวมาเป็นผู้กำกับ เรื่องนี้นับเป็นผลงานการกำกับเรื่องที่ 3 ของเขา เรื่องแรกคือ What Doesn’t Kill You ที่ออกฉายในปี 2008 และเรื่องที่ 2 คือ Black Butterfly ออกฉายในปี 2017 โดยการกลับมาครั้งนี้ เขามาพร้อมกับนักแสดงชื่อดังอย่าง Gerard Butler มารับบทนำ ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และเพิ่งถูกเพิ่มเข้ามาใน Netflix เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ปัจจุบันนี้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ขึ้นเป็นภาพยนตร์ยอดนิยมอันดับ 1 บน Netflix แต่ความนิยมก็ไม่ได้รับประกันความดีงามเสมอไป

Last Seen Alive จะบอกเล่าเรื่องราวของชายธรรมดาที่ชื่อว่า Will Spann (รับบทโดย Gerard Butler) เขาและภรรยา Lisa Spann (รับบทโดย Jaimie Alexander) กำลังเดินทางไปยังบ้านเกิดของภรรยาเนื่องจากความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มจืดจาง ภรรยาเขาจึงอยากกลับไปอยู่กับพ่อแม่เพื่อทบทวนตัวเอง ซึ่งระหว่างทางทั้งคู่ได้จอดแวะปั๊มเพื่อเติมน้ำมัน ทว่า Lisa ได้หายตัวไปอย่างปริศนา หลังจากที่เธอไปเข้าห้องน้ำในร้านสะดวกซื้อ เมื่อ Will รู้เรื่องเขาก็เดินหาเธอจนทั่วแต่ก็ไม่พบร่องรอยของเธอเลย เขาจึงตัดสินใจตามหาเธอด้วยวิธีการสุดโต่งเกินตัว ในขณะที่ตัวเขาเองก็ตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่ถูกตำรวจหมายหัว

สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้นิยามไม่ถูกเช่นกันว่าเป็นแนวไหน เพราะผสมหลายอย่าง ทั้งจิตวิทยา ระทึกขวัญ สืบสวนสอบสวน และแอ็กชัน ซึ่งหากอ่านพล็อตเรื่องมาแล้วหลายคนก็คงสนใจและอยากจะรู้ว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นไร เพราะหากใครเคยดูภาพยนตร์แนวนี้มาก่อนก็คงจะนึกถึงเรื่อง Gone Girl (2014) ที่เรื่องราวใกล้เคียงกันคือภรรยาของพระเอกหายตัวไปอย่างปริศนา ซึ่งในเรื่องนั้นมีการสับขาหลอกคนดูไปมาจนปวดหัวไปหมด แต่สำหรับ Last Seen Alive

Last Seen Alive(2022)แอ็กชันทริลเลอร์ธรรมดา

นั้นต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เพราะเรื่องนี้ออกแนว “ท่าดี ทีเหลว” คือเปิดเรื่องมาได้ยอดเยี่ยมและน่าสนใจมากๆ ช่วง 20 นาทีแรกคือเอาคนดูอยู่หมัด ทุกอย่างมาดีหมด ทั้งการเปิดเรื่องแบบไม่ให้คนดูรู้อะไรเลย แบบจู่ๆ ก็แวะปั้มแล้วนางเอกก็หายไปเลย ช่วงตอนนางเอกหายก็ทำได้ดีคือกล้องจะตามตัวละครพระเอกไปเลยตอนเดินหารอบปั๊ม ซึ่งมันสร้างบรรยากาศลุ้นระทึกและตื่นตระหนกได้ดี จากนั้นก็ปูเรื่องได้ในระดับที่ดีไปเรื่อยๆ จนถึงตอนที่พระเอกไปที่สถานีตำรวจ ฉากที่ตำรวจคุยกับพระเอกในห้องสืบสวนก็ทำดีมาก ผู้เขียนนี่ตั้งความหวังเลยว่าน่าจะสนุกแต่กลายเป็นว่าหลังจากฉากนั้นไปทุกอย่างเริ่มออกทะเล

หลังจากฉากห้องสืบสวนทุกอย่างที่ดูจริงจัง ดูตื่นเต้นและลุ้นระทึกก็เริ่มหายไป หายไปตั้งแต่พระเอกเดินทางไปบ้านผู้ต้องสงสัยคนเดียวโดยไม่บอกตำรวจ ซึ่งตอนดูก็งงว่าทำไมพระเอกถึงทำแบบนี้ เพราะมันยิ่งดูน่าสงสัยไปใหญ่ แทนที่ได้ข้อมูลมาแล้วไปบอกตำรวจ กลับตัดสินใจทำอะไรเองแบบไม่ยั้งคิด จุดนี้เป็นจุดแรกของความไม่สมเหตุสมผล จากนั้นมันหนักกว่าเดิมตรงที่พระเอกไปซ้อมผู้ต้องสงสัย ทั้งที่แค่สงสัยนะ ย้ำ “แค่สงสัย”  Last Seen Alive(2022)แอ็กชันทริลเลอร์ธรรมดา

แถมพื้นเพพระเอกก็เป็นแค่นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่ดันต่อสู้ได้ดิบเถื่อนยังกับตำรวจผู้ชำนาญการ จากนั้นเขาก็เอาผู้ต้องสงสัยคนนี้มัดมือมัดเท้าขึ้นรถไป แต่ดันเจอตำรวจโบกพระเอกก็เลยหนี ซึ่งมันประหลาดสุดๆ เพราะคุณบริสุทธิ์ก็ต้องบอกตำรวจซิ อธิบายดูก็ได้ ถ้าจะบอกว่ากลัวไปช่วยนางเอกไม่ทันก็ไม่น่าใช่ เพราะถ้าบอกตำรวจก็ได้เร็วกว่าวิ่งทะลุป่าแน่ๆ โดยหลังจากฉากนี้ไปหนังก็เปลี่ยนกลายเป็นแนวแอ็กชันไปโดยปริยาย

นับว่าน่าเสียดายสุดๆ เพราะหากหนังเลือกไปเป็นแนวจิตวิทยาระทึกขวัญ แบบทิ้งปริศนาไว้ตามรายทาง และให้คนดูได้คิดตาม จากนั้นอาจจะเฉลยด้วยการหักมุมที่คาดไม่ถึงน่าจะดีกว่า เหมือนคนเขียนบทคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะให้มันลงเอยยังไงก็เลยยัดฉากแอ็กชันเข้าไปและตัดจบแบบง่ายๆ แถมไม่มีการหักมุมหรืออะไรทั้งนั้น ซึ่งถ้าจะลงเอยแบบนี้ก็ไม่น่าจะต้องปูเรื่องให้คนดูตั้งคำถามตั้งแต่แรก แถมเรื่องที่พระเอกเป็นนักพัฒนาอสังหาก็คงเพียงเพราะจะให้รู้ว่าพระเอกรวย
โจรเลยมีแรงจูงใจมาลักพาตัวนางเอก แต่ดันจบแบบแอ็กชันมันเลยแปลก ถ้าหากจะมาทางแอ็กชันก็น่าจะปูเรื่องให้พระเอกเป็นอดีตสายลับหรือนักฆ่าแต่ปกปิดไว้ไม่มีใครรู้ จนภรรยาถูกลักพาตัวไป พระเอกจึงต้องไปสะสาง และใส่แอ็กชันแบบมันหยดเหมือน John Wick ไปเลยก็คงจะดีกว่า แต่ที่เป็นอยู่นี้คือเหมือนตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปทางไหนดี ภาพรวมของหนังเลยออกมาครึ่งๆ กลางๆ ไร้เสน่ห์และไม่น่าจดจำ

แม้ว่าบทจะทำได้ไม่ดีนัก แต่ส่วนอื่นๆ ที่เหลือก็ยังพอไปวัดไปวาได้ การแสดงของ Gerard Butler ยังคงอยู่ในมาตรฐานเดิม ส่วนตัวมองว่าเหมือนบทเขียนมาเพื่อขายดารานำ เลยต้องใส่แอ็กชันเข้าไป แถมกับพวกฉากระเบิดอารมณ์ที่เป็นของถนัดของเฮียแกอยู่แล้ว เลยเป็นเหตุผลที่ตัวละครพระเอกทำอะไรแบบไร้เหตุผล เพราะถ้าหากตัวละครมีเหตุผลเฮียแกก็คงไม่ได้แสดงฉากระเบิดอารมณ์หรอก แต่ถึงอย่างนั้น การแสดงของ Gerard Butler ก็ดีพอที่จะแบกหนังทั้งเรื่องไว้ได้ แม้ว่าบทจะแย่ก็ตาม

ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ ก็แสดงได้ดีตามมาตรฐานทั่วไป งานภาพและการโปรดักชันต่างๆ ก็นับว่าทำได้อยู่ในระดับกลางๆ คือยังดูรู้ว่าเป็นหนังทุนต่ำ ไม่ได้ดีเลิศหรืออะไรมากมาย ออกไปทางหนังเกรดบีด้วยซ้ำ สรุปโดยรวมคือเป็นหนังที่หาจุดยืนไม่เจอและไม่รู้จะไปทางไหนดี แต่หากใครชอบดูการแสดงของป๋า Gerard Butler เป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็น่าจะพอเพลิดเพลินไปกับหนังได้ อย่างไรก็ตามทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ความชอบของแต่ละคน ดังนั้นทุกคนจึงควรไปพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง

Director

Director

Cast

Similar titles

Plane (2023) ดิ่งน่านฟ้า เดือดเกาะนรก
Max (2015) แม็กซ์ สี่ขาผู้กล้าหาญ
The Garfield Movie เดอะ การ์ฟิลด์ มูฟวี่ (2024)
Colombiana ระห่ำเกินตาย
Standoff ล่าไม่ให้รอด
Chucky 1 แค้นฝังหุ่น ภาค 1
The Benchwarmers (2006) สามห่วยรวมกันเฮง
Jerry Maguire (1996) เทพบุตรรักติดดิน
Deadpool & Wolverine เดดพูล & วูล์ฟเวอรีน (2024)
Ivy + Bean ไอวี่และบีน (2022) NETFLIX
The Musketeer (2001) ทหารเสือกู้บัลลังก์
AKA 2023 เจ้าหน้าที่เงา

Leave a comment

Name *
Add a display name
Email *
Your email address will not be published