What's happening?

Video Sources 265 Views Report Error

  • Fantastic Beasts (2022) สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์
Fantastic Beasts (2022) สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์

Fantastic Beasts (2022) สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์

Your rating: 0
5 1 vote

Synopsis

Fantastic Beasts (2022) สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์

นักสัตว์วิเศษวิทยาหนุ่มติ๋ม ‘นิวต์ สคามันเดอร์’ และสัตว์มหัศจรรย์สารพันในกระเป๋าวิเศษกลับมาแล้วครับ กับ Fantastic Beasts (2022) สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์’ หรือ ‘สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์’ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ Prequel ที่ ‘เจ.เค.โรว์ลิง’ (J.K.Rowling) ขยายจักรวาลของโลกเวทมนตร์ต่อมาจากเรื่องราวของ ‘แฮร์รี พอตเตอร์’ (Harry Potter) หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า ‘วิซาร์ดดิง’ เวิลด์ (Wizarding World) นั่นเอง

Fantastic Beasts (2022) สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์

 

ภาคนี้เป็นภาพยนตร์ลำดับที่ 3 ในแฟรนไชส์สัตว์มหัศจรรย์จากทั้งหมด 5 ภาค ที่ยังคงสานต่อเรื่องราวจาก 2 ภาคแรก ทั้งความปั่นป่วนของโลกเวทมนตร์ยุคโบราณ กับสัตว์มหัศจรรย์ใน ‘Fantastic Beasts : and Where to Find Them’ (2016) และก้าวเข้าสู่สงครามแห่งพ่อมดแม่มดแบบเต็มตัวใน ‘Fantastic Beasts : The Crimes of Grindelwald’ (2018) (ซึ่งทั้ง 2 ภาคสามารถหาดูได้ใน HBO GO นะครับ) ดูหนัง

กว่าจะเดินทางมาถึงภาคนี้ ความเปลี่ยนแปลงสำคัญที่เห็นได้ชัดอย่างหนึ่งก็คือ การยอมถอนตัวของนักแสดงหลักอย่างป๋า ‘จอห์นนี เดปป์’ (Johnny Depp) เจ้าของบทบาท ‘เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์’ (a.k.a น้าหน่อย เชิญยิ้ม)

ที่แพ้คดีฟ้องร้องสื่อหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ จากกรณีคดีฟ้องหย่าภรรยานั่นแหละ ผลกระทบก็คือ ป๋าเองถูกวอร์เนอร์ บราเธอร์ส (Warner Bros.) ขอให้ถอนตัวพร้อมกับรับเช็กเงินค่าตกใจ และเรียกใช้งานนักแสดงดาวร้ายตัวพ่ออย่าง ‘แมดส์ มิกเกลสัน’ (Mads Mikkelsen) มารับบทพ่อมดฝั่งมืดในภาคนี้แทน

เดวิด เยตส์ (David Yates) ผู้กำกับจากทั้งสองภาคแรก (และผู้กำกับจากภาพยนตร์แฮร์รี พอตเตอร์) กลับมารับหน้าที่กำกับเหมือนเดิม ‘เจ.เค.โรว์ลิง’ (J.K.Rowling) ผู้เขียนบทจากทั้ง 2 ภาค และ ‘สตีฟ โคลฟส์’ (Steve Kloves) ผู้เขียนบทแฮร์รี พอตเตอร์ทั้ง 7 ภาคมาแปะมือร่วมกันเขียนบทเป็นครั้งแรก

หลังจากที่ ‘อัลบัส ดัมเบิลดอร์’ (Jude Law) ล่วงรู้ความลับว่า ‘เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์’ (Mads Mikkelsen) เริ่มระดมกองทัพเพื่อหวังยึดครองโลกเวทมนต์ตามที่ใจปรารถนา โดยที่เขาตั้งเป้าว่า เขาและกองทัพจะโค่นล้มมักเกิลผู้ไร้เวทมนตร์ให้สิ้นซาก ด้วยกลเกมการเมืองที่เขาวางแผนเอาไว้ในพิธีการเลือกตั้งผู้นำสูงสุดแห่งโลกเวทมนตร์ พร้อมกับการควบคุม ‘ครีเดนซ์ แบร์โบน’ (Ezra Miller) และ ‘ควีนนี โกลสตีน’ (Alison Sudol) ที่แปรพักตร์มาอยู่ฝั่งของกรินเดลวัลด์แบบเต็มตัว

ดัมเบิลดอร์จึงต้องเรียกนักสัตว์วิเศษวิทยา ‘นิวต์ สคามันเดอร์’ (Eddie Redmayne) นำทัพเหล่าพ่อมด แม่มดทั้ง ‘ธีซีอุส สคามันเดอร์’ (Callum Turner) พี่ชายของนิวต์ หัวหน้าสำนักงานมือปราบแห่งกระทรวงเวทมนตร์แห่งอังกฤษ ‘ยูซุฟ คามา’ (William Nadylam) ผู้ต้องการแก้แค้นที่กรินเดลวัลด์สังหารน้องสาวในกองเพลิงในภาคที่แล้ว

และมักเกิลอย่าง ‘เจคอบ โควาลสกี’ (Dan Fogler) มาร่วมเผชิญหน้าภารกิจเสี่ยงตาย และไขความลับของดัมเบิลดอร์ที่มีส่วนเกี่ยวพันกับกรินเดลวัลด์ รวมทั้งสัญญาเลือดที่ทั้งคู่ทำไว้ร่วมกัน ทำให้การปราบมารระดับพี่เบิ้มจึงไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย ๆ

ก็คงไม่เกินเลยนักหากจะกล่าวว่า ด้วยอานิสงส์ที่ตัวหนังในภาคนี้เป็นภาคที่ 3 จากทั้งหมด 5 ภาคที่ตั้งเป้าเอาไว้ ตัวเนื้อเรื่องในภาคนี้ก็เลยต้องมีหน้าที่ขยายเรื่องราวของตัวเองให้ใหญ่ขึ้น พร้อมกับคลายปมปัญหาและผลักเป้าไปสู่เรื่องราวที่ใหญ่ขึ้นกว่า 2 ภาคแรก ซึ่งเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ครับ ตัวบทขยายใหญ่จาก 2 ภาคที่แล้วขึ้นเยอะมาก

ทั้งเรื่องราวการผจญภัยและการต่อสู้ที่ต้องเดินทางไปยังที่นั่นที่นี่มากมาย และปมเรื่องราวที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องราวเบื้องหลังของคู่ปรับอย่างดัมเบิลดอร์และกรินเดลวัลด์ ที่แม้ในภาคที่แล้วจะแอบเปรย ๆ ไว้บ้าง แต่ในภาคนี้ก็จะเน้นหนักมากขึ้น หนังใหม่

ในแง่ของการดำเนินเรื่อง เอาจริง ๆ ผู้เขียนมองว่าในภาคนี้ บทค่อนข้างกลมกล่อมและดูง่ายกว่าภาคที่แล้วพอสมควรนะครับ เรียกได้ว่าค่อนข้างประนีประนอม ปรับสมดุล และปรับกราฟเรื่องราวให้เข้าที่มากกว่าสองภาคแรกอย่างชัดเจน ตัวหนังยังคงใส่ Easter Egg จากจักรวาลแฮร์รี พอตเตอร์ มาให้เหล่าพอตเตอร์เฮด (Potterhead) ได้กรี๊ดกันแบบจุก ๆ

แต่ตัวบทเองก็เริ่มจะปรับแต่งเรื่องราวให้ครบรส และน่าจะทำให้มักเกิลที่ไม่ได้อิน ก็น่าจะดูได้แบบสนุกครบรส ทั้งแอ็กชันที่มีประปราย พล็อตหนังเกมการเมืองที่แทรกเข้ามาได้แปลกใหม่ดีสำหรับโลกเวทมนตร์ สัตว์วิเศษที่แม้ในภาคนี้จะมีไม่เยอะ แต่เหล่าน้อน ๆ ที่มาใหม่ก็ล้วนแต่น่ารักกันทั้งนั้น โดยเฉพาะน้อนกิเลน สัตว์วิเศษชั้นสูงที่มีสัมผัสลึกถึงจิดใจคนได้ และน้อนปูแมงมุมที่เรียกเสียงฮาได้ดีมาก ส่วนน้อน ๆ แก๊งเดิมก็ยังคงสร้างสีสันให้กับตัวหนังได้อย่างน่ารักน่าชัง

Fantastic Beasts (2022) สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์

Fantastic Beasts (2022) สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์

รวมทั้งการเพิ่มบทบาทให้มักเกิลอย่างเจคอบได้ออกโรงมากขึ้น (เหมือนที่ได้เห็นในตัวอย่าง) การเล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างดัมเบิลดอร์และกรินเดลวัลด์ ที่ตัวหนังค่อย ๆ เล่าถึงความผูกพันลึกซึ้งอะไรบางอย่างระหว่างกันและกัน รวมถึงอุดมการณ์ที่ขัดแย้งกันจนนำไปสู่สงคราม รวมทั้งการใส่มุกฮาที่ทำงานได้ดีกว่าภาคที่แล้วอย่างน่ามหัศจรรย์

ก็น่าจะเป็นนิมิตหมายอันดีที่ตัวหนังสามารถถ่วงน้ำหนักระหว่างความสนุกน่าติดตาม และความจงรักภักดีอย่างเหนียวแน่นต่อแฟรนไชส์แฮร์รี พอตเตอร์สำหรับเหล่าแฟน ๆ ได้ถือว่าค่อนข้างสมดุลและออกมากลมกล่อมกว่าสองภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด หนังฟรี

ปัญหาประการหลักๆของ Fantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore คือหนังยังมีความอ่อยอิ่ง เนิบช้าและกว่าจะเข้าเรื่องราวหลัก หนังก็แวะเล่าเรื่องราวจิปาถะสารพันร้อยอย่าง ซึ่งมันอาจจะทำให้บรรดาสาวก “พอตเตอร์” ตาลุกวาว แต่เมื่อมองในแง่ของความเป็นภาพยนตร์ที่ควรจะร้อยเรียงเรื่องราวเพื่อให้ก้าวต่อไปข้างหน้าด้วยความกระชับ ได้ใจความ หนังกลับให้ลักษณะของการรวม Deleted scene หรือฉากที่สามารถขลิบหรือทริมให้สั้นลงได้อยู่มากมาย

หนังอาจจะเปิดเรื่องมาที่ฉาก “ห้วงความทรงจำ” ของดัมเบิลดอร์ (จู้ด ลอว์) ในร้านอาหารระหว่างเป็นมื้อค่ำระหว่างเขาและกรินเดอวัลด์ (แมดส์ มิคเคลเซน) คุยกันถึงเรื่องอุดมการณ์สมัยที่ทั้งสองยังเยาว์และเขลาอยู่ ทั้งคู่เคยคิดที่จะชำระล้างโลกใบนี้ให้เหลือแต่เพียงบรรดาผู้วิเศษที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ แต่เมื่อทั้งสองได้เติบโตขึ้น ดัมเบิลดอร์ก็มองโลกในมุมที่ต่างออกไป เขาเห็นความงดงาม ความดีในตัวของมนุษย์ธรรมดา เขาจึงไม่อาจจะทำตามแผนการที่กรินเดอวัลด์อยากจะให้เป็นได้อีก

ด้วยสัญญาเลือดที่ทั้งสองให้ทำไว้ระหว่างกัน ครั้งหนึ่งมันเปรียบเสมือนเครื่องย้ำเตือนในความรักอันแม่นมั่นที่ทั้งสองจะไม่ทำร้ายกันในอนาคต แต่เมื่อวันที่ทั้งสองไม่อาจจะร่วมอุดมการณ์เดิมร่วมกันได้อีก และเกิดการแตกหักในความสัมพันธ์ เขาก็ต้องทนทุกข์อยู่กับความรู้สึกของตัวเองและมี “สัญญาเลือด” ที่กลายเป็นสิ่งย้ำเตือนอดีตของตัวเอง

นอกจากประเด็นเรื่อง “ความลับ” ของดัมเบิ้ลดอร์ที่ไม่ได้ลับแต่อย่างใด เมื่อเราได้ล่วงรู้ว่าเขาเป็น LGBTQ ที่รักใคร่ชอบพอกับกรินเดอวัลด์ แล้ว หนังในภาคนี้พูดถึงการเลือดตั้งผู้นำในโลกเวทมนตร์คนใหม่ ซึ่งตัวกรินเดอวัลด์อยากจะเข้ามารับตำแหน่งนี้เพียงเพราะเขาเชื่อว่าเมื่อเขามีอำนาจตามหลักความชอบธรรมแล้ว

เขาจะสามารถเปลี่ยนโลกให้ได้ตามต้องการ ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าสภานั้นยังมีธรรมเนียมปฏิบัติด้วยการนำสัตว์วิเศษอย่าง “กิเลน” มาเป็นตัวตรวจสอบใน “ความดีงาม” ของผู้ลงสมัครและคู่ควรที่จะได้รับตำแหน่งในการปกครองต่อไป ดูหนังใหม่

จะว่าไประหว่างทางของหนังเรื่องนี้ที่ตัวละครจะต้องทำภารกิจวุ่นวายไปในพื้นที่ต่างๆ ก็เพียงเพื่อจะนำพากิเลน (แฝด) อีกตัวไปร่วมพิธีคัดเลือกผู้นำในโลกเวทมนตร์คนใหม่ เพื่อที่จะให้สัตว์วิเศษนี้เป็นการการันตีว่าผู้นำคนต่อไปจะต้อง “ดี” พร้อม แต่นั่นก็ทำให้เราเห็นว่า ถ้าหากกรินเดอวัลด์สามารถใช้แผนการร้าย “ชุบตัวกิเลน” และทำให้เขาได้ดำรงตำแหน่งขึ้นมาจริงๆ นี่แหละคือช่องโหว่ของระบบการคัดสรรผู้นำด้วยการใช้บรรทัดฐานของคำว่า “คนดี” มาเป็นเกณฑ์ ดูหนังออนไลน์

 

Director

Director

Cast

Similar titles

Arisaka (2020) อาริซากะ
The Wandering Earth
The Dark Tower หอคอยทมิฬ
The Worthy (2016) ผู้อยู่รอด
Bright (2017) ไบรท์
The Gangster the Cop the Devil
Tom Clancy’s Without Remorse (2021)
The Mystic Nine Qing Shan Hai Tang (2022) เปิดตํานานเก้าสกุล บีโกเนียรุ่นสุดท้าย
Kursk หนีตายโคตรนรกรัสเซีย
Patient Zero ไวรัสพันธุ์นรก
Battle Royale 1 (2000) เกมนรก โรงเรียนพันธุ์โหด
Zhong Kui Exorcism (2022) จงขุย ตำนานเทพอสูร

Leave a comment

Name *
Add a display name
Email *
Your email address will not be published