ถ้าหากว่าปีที่แล้ว..เราเคยสะดุ้งไปกับความหลอนของไทยสุดสะพรึง อย่าง “ร่างทรง” มาแล้ว มาในปีนี้เรามาเผชิญหน้ากับความเร้นลับและหลอนชวนสะอิดสะเอียนจากไต้หวัน นี่คือ “Incantation มนตรา” หนังสยองขวัญที่ถล่มรายได้บนบ็อกซ์ออฟฟิศเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา นี่คือหนังสยองที่มาแนววิดีโอฟุตเทจที่ไม่ได้แปลกใหม่อะไรแล้ว แต่มีทีเด็ดในสตอรี่และการเล่าเรื่องนี้ที่เขย่าขวัญผู้ชมได้ดีในชั่วโมงสุดเฮี้ยน! มนตรา (2022) Incantation หนังnetflix
ดูหนังฟรี Incantation มนตรา เป็นเรื่องราวของ หลี่รู่หนาน คุณแม่ยังสาวที่กำลังเผชิญหน้ากับการสูญเสียลูกสาวของตัวเอง จากคำสาปมนตราที่เธอเองก็ยังไม่มีความรู้ ดังนั้นเธอจึงเริ่มต้นที่จะบันทึกภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเอาไว้ เป็นหลักฐานและข้อมูลที่เกิดขึ้นกับเธอกับลูกเอาไว้ เพื่อแชร์ให้กับผู้ที่สนใจได้ศึกษา ดูหนังออนไลน์ฟรี 2022 แม้ว่าเธอจะยังไม่รู้อนาคตเช่นเดียวกันว่า ลูกสาวกับเธอจะรอดปลอดภัยได้หรือไม่ ดูหนังออนไลน์
คุณจะรู้สึกหลอนทุกครั้งที่ได้คิดประโยคที่ว่า “พวกคุณเชื่อในการอวยพรไหม? 6 ปีก่อนฉันเคยทำผิดให้ข้อห้ามที่น่ากลัว ช่วยฉันด้วย มาท่องพร้อม ๆ กัน หรือจะท่องในใจก็ได้…” แน่นอนว่าหนังสไตล์ found footage ไม่ใช่สิ่งที่แปลกใหม่อะไรกับวงการหนังอีกต่อไปแล้ว เพราะผู้ชมต่างคุ้นชินจากใน The Blair Witch Project และ Paranormal Activity หรือแม้กระทั่ง ร่างทรง หนังไทยเมื่อปีก่อนก็ทำออกมาในลักษณะนี้
แต่สำหรับ Incantation มนตรา นั้น แม้จะไม่ได้มีสไตล์ที่แปลกใหม่ แต่กลับใช้วิธีการเล่าเรื่องที่เข้มข้นสุดหลอนไปตลอดทั้งเรื่อง หนังมีเพียงโครงเรื่องที่ไม่ได้เยอะมาก แต่ค่อย ๆ ใช้ฟุตเทจภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ มาใช้เป็นการเล่าเรื่องที่ค่อย ๆ พาผู้ชมไปสำรวจแต่ละมุมมอง ทั้งจากในอดีตและปัจจุบัน ท่ามกลางฉากน่ากลัวมากมายที่สอดแทรกเอาไว้แบบไม่ต้องอาศัยการเชื่อมโยงจังหวะใด ๆ แต่เป็นความสมจริงที่ออกมาการแสดงที่มีเซ็กเมนต์ที่ค่อนข้างน่าสนใจดี
ถึงแม้ว่ารูปแบบความเชื่อและการศรัทธาบูชาที่ใส่อยู่ในหนังเรื่องนี้นั้น อาจจะเป็นความเชื่อเฉพาะส่วนบุคคล และเป็นเชื่อที่ต่างวัฒนธรรมของแต่ละประเทศกันไป แต่เชื่อว่าคนไทยก็น่าจะสัมผัสได้ถึงความหลอนและความน่ากลัวของหนังเรื่องนี้ที่สอดแทรกใส่เข้ามาได้อย่างสุดทางกำลังพอดี อีกทั้งยังสามารถอธิบายแง่มุมต่าง ๆ ให้กับผู้ชมได้เห็นมากที่สุด ถึงจะทิ้งเบาะแสและปมเอาไว้เยอะแยะที่อาจจะยังไม่สามารถเข้าถึงและเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ได้ก็ตาม
โปรดักชั่นของ Incantation มนตรา ก็ถือว่าทำออกมาได้ดี แม้ว่ามุมกล้องฟุตเทจต่าง ๆ จะมีดูสมจริงและปลอมประหลาดปะปนกันไปบ้าง แต่ก็กลายเป็นจุดบกพร่องที่สามารถมองข้ามไปได้ เพราะการเล่าเรื่องที่สามารถดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดี ส่วนทางด้านการแสดงนั้น หนังไม่ได้ใช้นักแสดงที่มีชื่อเสียงมากมายอะไร แต่ “ช่ายเกิ้นเย่” ก็ถือว่าแบกรับหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้ค่อนข้างดี เป็นศึกหนักของเธอ แต่เธอก็ทำออกมาได้ดีไม่น้อย
เอาเป็นว่าในภาพรวมนั้น Incantation มนตรา ก็คืออีกหนึ่งหนังผีไต้หวันที่ขึ้นแท่นเป็นระดับมาสเตอร์พีชของปีนี้ได้โดยปริยาย แม้ว่าองค์ประกอบต่าง ๆ อาจจะไม่สดใหม่ และก็มีกลิ่นอายเดิม ๆ แบบฉบับหนังผีไต้หวันที่มักจะเล่นกับความเชื่อและความผูกพัน แต่หนังเรื่องนี้ก็มีสตอรี่ที่หนักแน่นเพียงพอที่จะประคองผู้ชมไปได้ อีกทั้งยังได้วิสัยทัศน์ที่ดีจากผู้กำกับ ที่รู้จังหวะและสิ่งที่ผู้ชมคาดหวังเอาไว้ และนั่นก็คือการตอบโจทย์เหมือนกับบทสรุปของหนังที่ทะเยอทะยานและน่าจดจำเป็นอย่างดี…
ผู้หญิงคนหนึ่งเชื่อว่าตัวเองถูกสาป เพราะเรื่องการทำผิดหลักศาสนของเธอเอง และเมื่อได้รับสิทธิ์เลี้ยงดูลูกกลับคืนมาอีกครั้ง เธอก็พร้อมจะทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อปกป้องให้ลูกของเธอรอดพ้นจากคำสาปจากวิญญาณอันชั่วร้าย
เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญ สยองขวัญสัญชาติไต้หวันปี 2022 ที่ใช้ลีลาการเล่าเรื่องแบบ found footage กำกับและเขียนโดย Kevin Ko หนังเข้าฉายในไต้หวันวันที่ 18 มีนาคม 2022 และกลายเป็นภาพยนตร์สยองขวัญของไต้หวันที่ทำรายได้สูงสุด จากนั้นก็นำมาฉายทาง Netflix เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2022
เพื่อเป็นการเข้าใจง่ายจึงขอไม่เล่าเรื่องให้เรียงลำดับตามการดำเนินเรื่อง และมีความจำเป็นต้องข้ามเหตุการณ์บางช่วงบางตอนของภาพยนตร์เพื่อความกระชับต่อการสรุปเรื่อง
หลี่รั่วหนาน ทำการตั้งกล้องเอาไว้เพื่อถ่ายทำ วันแรกที่เธอจะได้รับ ตั่วตัว ลูกสาวกลับมาเลี้ยงเองหลังจากที่ลูกสาวของเธอต้องไปอยู่กับสังคมสงเคราะห์เมื่อ 6 ปีที่แล้ว และเมื่อเธอรับลูกของเธอกลับมาถึงที่บ้านแล้วในคืนแรกก็เกิดเหตุการณ์ประหลาด มีคนปาสิ่งของบางอย่างเข้าไปในบ้านของเธอ ไฟที่บ้านดับ แม้ว่าตั่วตัวจะหลับไปแล้วก็ตาม แต่กลับมีอาการเดินละ แล้วก็เหมือนว่ามีบางสิ่งบางอย่างเข้ามาในบ้าน เปิดตู้เย็น ทำสิ่งของพังเสียหาย ในคืนต่อมา ตั่วตัว ก็บอกกับรั่วหนานว่า มีบางสิ่งบางอย่างอยู่ในห้อง
เมื่อ ตั่วตัว ย้ายเข้ามาอยู่กับลั่วหนาน ก็มีอาการผิดปกติไป เวลาไปโรงเรียนก็เข้ากับคนอื่นไม่ได้ ซ้ำร้ายยังไปกัดเพื่อนซะอีก มีอยู่วันตั่วตัว ขึ้นไปบนดาดฟ้าที่บ้าน ซึ่งการขึ้นไปของเธอนั้นเหมือนกับว่ามีบางสิ่งบางอย่าง ชวนเธอขึ้นไป แล้วก็สั่งให้เธอทำหลายอย่างที่น่ากลัว โดยเฉพาะการเข้าไปในห้องเก็บของ แล้วตั่วตัวก็ไปดูวีดีโอต้องห้าม
วีดีโอนี้เป็นเทปวีดีโอที่รั่วหนาน รับรู้อย่างเต็มอกว่าถ้าหากใครได้ดูแล้วจะต้องเกิดเหตุการณ์เลวร้ายจนถึงแก่ชีวิตทั้งสิ้น แล้วเธอก็เคยได้นำวีดีโอนี้ไปให้กับทางตำรวจได้ดู เมื่อตำรวจได้ดูก็อัตวินิบาตกรรมทันที แต่ตั่วตัวก็ดูวีดีโอเข้าไปแล้ว (จุดนี้ก็ทำให้ดูแล้วทำให้คิดถึงหนังเรื่อง ริง คำสาปมรณะ ขึ้นมาทันที)
จากนั้นหนังก็เล่าเรื่องย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีก่อนรั่วหนาน อาตงแฟนของเธอ และอาหยวนเพื่อนชายของเธออีก 1 คน ทำรายการ ขบวนการล่าผี โดยการเข้าไปพิสูจน์อุโมงค์ลับที่คนห้ามเข้าไป ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านบนภูเขาอันห่างไกลความเจริญของตระกูลเฉินแฟนของเธอนั่นเอง
เมื่อไปถึงหมู่บ้านคนเฒ่าคนแก่ก็มาทักว่า ห้ามรั่วหนานเข้ามาเด็ดขาดเพราะเป็นคนนอกตระกูล แต่อาตงก็บอกว่ารั่วหนานไม่ใช่คนนอก เป็นแฟนของเขาเอง จึงมีสถานะไม่ต่างกับการเป็นครอบครัวเดียวเฉินด้วยกันแล้ว
และผู้เฒ่าผู้แก่ก็ได้บอกกับเธอว่าหากได้เคยไหว้แล้วต้องกลับเข้ามาไหว้อีกทุกปี และเมื่อลูกของเธอเมื่อคลอดออกมาจะต้องนำมาถวายเจ้าแม่ด้วย
ในค่ำคืนแห่งการเคารพบูชาเจ้าแม่ เหล่าบรรดาขบวนการล่าผีก็หนีออกจากห้อง แล้วแอบเข้าไปยังถ้ำต้องห้าม โดยที่อาตงกับอาหยวนเป็นผู้เข้าไป เข้าไปได้สักพักก็ได้ยินเสียงโวยวาย อาหยวนวิ่งออกมาแบบขาดสติ ส่วนอาตงเมื่อออกมาแล้วก็เสียชีวิตทันที
จากนั้นความวุ่นวายก็เกิดขึ้นในหมู่บ้านของอาเฉิน ทุกคนผิดปกติราวกับเป็นบ้า จากนั้นก็พากันทำร้ายตนเอง แล้วก็เสียชีวิตทั้งหมู่บ้าน รวมถึงอาตงด้วย โชคดีที่รั่วหนานสามารถขับรถหนีออกมาได้ทันพร้อมกับกล้องวีดีโอที่ถ่ายเหตุการภายในถ้ำได้
แต่เธอก็ไม่เหมือนเดิม มีอาการหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา กูว่าปีศาจจะมาทำร้าย และนี่ก็เป็นเหตุที่ทำให้เธอต้องเสียสิทธิ์ในการเลี้ยงดูตั่วตัวให้กับสังคมสงเคราะห์ที่เอาไปเลี้ยงถึง 6 ปี
อย่างไรก็ตามเมื่อรั่วหนานนำตั่วตัวมาเลี้ยงแล้ว ก็เกิดความผิดปกติมากยิ่งขึ้น ถึงขั้นเจ็บไข้ได้ป่วยแบบไม่มีสาเหตุ มีลักษณะเป็นอาการอัมพาตช่วงครึ่งล่าง ซึ่งเธอเองก็รู้ดีว่านี่น่าจะเกี่ยวข้องกับคำสาปของเจ้าแม่อย่างแน่นอน
เธออุ้มตั่วตัวไปให้ผู้ดูแลศาลเจ้าให้ช่วยแก้ไขเรื่องราวร้ายนี้ คนดูแลศาลเจ้าก็แนะนำว่าให้ตั่วตัวอดข้าวอดน้ำเป็นเวลา 7 วัน
แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่สามารถทำได้เมื่อขาดน้ำขาดสารอาหารร่างกายก็เจ็บไข้ได้ป่วยอย่างรวดเร็ว มีแผลพุพองไปทั่วร่างกาย โดยเฉพาะแผลที่เป็นรูเล็กรูน้อย เธอจึงจำเป็นต้องอุ้มลูกสาวขับรถไปหาหมอในยามดึก แต่หมอก็บอกว่าเด็กจะต้องกินข้าวกินน้ำซะก่อนไม่อย่างจะฉีดยาให้ไม่ได้ แต่เนื่องจากเธอกลัวอาถรรพ์เธอจึงต้องทำการรักษาเอง แต่มันก็เลวร้ายลงมากยิ่งขึ้น เธอจึงฝืนคำสั่งของผู้ดูแลศาล แล้วให้ลูกของเธอนั้นกินอาหาร แต่เมื่อยิ่งกินก็ยิ่งเลวร้ายลงไป เธอจึงจำเป็นจะต้องพาตั่วตัวไปโรงพยาบาล ตั่วตัวอยู่ในอนการโคม่า ลั่วหนานทำได้เพียงท่องมนต์ “โหโฮซิวอี ซีเซ้อู่มา” ไปเรื่อย
ในช่วงระหว่างการรักษาก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น ตั่วตัวเดินออกมาจาก โรงพยาบาลโดยที่ไม่มีใครเห็น เดินออกไปนอกถนน แล้วไปหยุดตรงที่หญิงสาวคนหนึ่งที่นอนอยู่ข้างถนนที่ร่างกายนั้นเต็มไปด้วยอักขระเขียนเต็มตัว
นักสังคมสงเคราะห์ที่เลี้ยงตั่วจัวมาตั้งแต่เด็ก ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือลั่วหนาน นำวีดีโอเทปมาซ่อมแสงแล้วกู้ไฟล์ภาพที่เสีย ค้นหาข้อมูลอักขระที่อยู่บนตัวของหญิงสาวที่ตั่วตัว ๆ ไปพบนั้นคืออักษรพรามหมี อักษรโบราณในอินเดียที่ใช้เขียนพระไตรปิฎกครั้งแรก ที่เกิดขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 3 ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช จากการสืบค้นก็รู้ว่ามีนักบวชคนหนึ่งอาศัยอยู่ที่ยูนาน มีความรู้ด้านการแปลพระไตรปิฎกจากอักษรพรามหมี เขาจึงเดินทางไป แล้วให้นักบวชท่านนั้นช่วย นักบวชก็แนะนำมา
แต่โชคร้ายที่นักสังคมสงเคราะห์นั้นได้รับอาถรรพ์จากการดูวีดีโอเทป ที่เขาสามารถกู้ไฟล์ได้ทั้งหมดเข้าไปเต็ม ๆ เขาเห็นว่าอาตงกับอาหนานเมื่อเข้าไปในถ้ำแล้วได้เจอกับอะไรบ้าง เจอถ้ำที่สร้างด้วยมือมนุษย์ที่มีทางเดินคดเคี้ยวเลี้ยว แต่ละทางเลี้ยวก็จะมีกระจกวางไปทั่ว มีรูปปั้นของเจ้าแม่ มีเครื่องเครื่องสังเวยที่ตัดมาจากปอยผม เจอฟัน และท้ายที่สุดก็เจอประติมากรรมเจ้าแม่ที่มีลักษณะเป็นแบบพุทธมหายานนิกายตันตระ ซึ่งเทวรูปนี้ก็ถูกผ้าแดงพันปิดหน้าเอาไว้ และอาหนานก็ไปเปิดผ้าแดงเพื่อดูหน้า เมื่อเขาเห็น เหตุการณ์เลวร้ายก็เกิดขึ้นกับเขา อาตงและทุกคนในตระกูลเฉิน จนทำให้สิ้นทั้งตระกูลเลยทีเดียว
หลังจากที่ดู Incantation หรือ มนตราจบลง โดยภาพรวมก็รู้สึกแล้วว่า เพราะเหตุใดหนังเรื่องนี้จึงกลายเป็นหนังผีสยองขวัญที่ทำเงินสูงสุดในประเทศไต้หวัน โดยเฉพาะการกระหน่ำเรื่องราวความรู้สึกขวัญสยองขวัญ ที่ใส่เข้ามาแบบไม่จำกัดให้เราได้รับชมมาตั้งแต่ต้นเรื่อง และมันก็ค่อย ๆ ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปจนถึงจบเรื่อง เขาสามารถเรียงลำดับและถ่ายทอดออกมาได้ดี
ไม่ว่าจะเป็นความน่ากลัวในรูปแบบไหนเขาก็ใส่เข้ามาเอาไว้ในหนังตลอดทั้งเรื่องเช่น ไม่ว่าจะเป็นความหวาดกลัวแบบคิดไปเองของตัวละคร (Phobia) การสร้างความหวาดกลัวให้กับคนดูให้ได้เห็นบรรยากาศของหนังแม้ว่าจะไม่มีผีหรืออะไรออกมาก็ตาม การสร้างความกดดันอย่างรุนแรงให้กับตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นตัวละครของนางเอกที่เธอไม่รู้ว่าอะไรถูกคุกคาม การสร้างความหวาดกลัวผ่านตัวละครตั่วตัว การสร้างความกดดันจากอาการเจ็บไข้ได้ป่วย การสร้างความหวาดกลัวจากอาการการ (Try pophobia) หรือการสร้างความตื่นตกใจในจังหวะ Jump Scare ก็ตาม หนังเขาใส่ไปได้อย่างดีแบบพอดีและถูกที่ถูกจังหวะมาก ๆ ผนวกกับการใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบฟาวล์ฟุตเทจ ก็เลยทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นดูสมจริง เหมือนกับว่าเราได้ดูภาพเหตุการณ์จริง
อย่างไรก็ตามการเล่าเรื่องแบบฟาวล์ฟุตเทจนั้นก็ยังคงเอกลักษณ์ที่หนังแนวนี้ใช้กันมา ไม่ว่าจะเป็นหนังเรื่อง The Blair Witch Project, Paranormal Activity, Grave Encounters, Gonjiam Haunted Asylum, The Taking Of Deborah Logan, As Above, So Below, Unfriended, Noroi : The Curse และร่างทรง เป็นต้น (จะว่าไปแล้วช่องของเราน่าจะรวมหนังแบบฟาวล์ฟุตเทจแล้วมารีวิวก็ดีเหมือนกันนะครับ) โดยที่มีเอกลักษณ์คือเขาจะไม่รวบรัดในการเล่าเรื่องเร็วเกินไป จะค่อย ๆ ให้คนดูนะได้ซึมซับกับบรรยากาศ การรับรู้ผ่านตัวละครที่ถือกล้อง และเมื่อดำเนินเรื่องไปจนถึง Climax เขาก้อกระหน่ำใส่เราอย่างถาโถมจนเราหัวใจแทบวาย ซึ่งใน Incantation หรือ มนตรา เขาก็ใช้สูตรนี้ในการเล่าเรื่องแบบเต็ม ๆ ดังนั้นในรูปแบบของการเล่าเรื่องแบบฟาวล์ฟุตเทจที่เกิดขึ้นในหนังจึงไม่มีอะไรแปลกใหม่ให้กับเราผู้ชม
ชอบการนำเรื่องราวทางคติชนวิทยามาใช้กับเรื่องได้อย่างทรงพลัง และแม้ว่าเราจะเป็นคนไทยนับถือศาสนาพุทธแบบหินยานเป็นหลัก เราก็สามารถเชื่อมโยงการรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะนอกเหนือจากการใช้เรื่องราวของศาสนาพุทธแบบมหายานแล้ว เขายังใส่เรื่องราวเกี่ยวกับคติความเชื่อดั้งเดิมของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นวัฒนธรรมร่วมกันกับชาวเอเชียแทบทั้งหมดเอาไว้ด้วย ก็คือเรื่องราวคติความเชื่อเรื่องร่างทรง การเคารพบูชาสิ่งเหนือธรรมชาติก่อนที่จะมีศาสนาเข้ามา การมอบลูกให้กับเจ้าแม่หรือเทพสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติ การเส้นสังเวย การแลกเปลี่ยน การประกอบพิธีบูชายันต์ ซึ่งดูแล้วมันก็ค่อนข้างใกล้ตัวเรามากจริง ๆ อีกทั้งเขายังทำให้เห็นว่า คติความเชื่อเรื่องการนับถือผีแบบดั้งเดิมนั้นมีอำนาจมากกว่าศาสนาพุทธที่เป็นสากลที่พึ่งเกิดภายหลัง โดยที่หนังสะท้อนออกมาในงานจิตรกรรมของเจ้าแม่ที่อยู่ในอาคารต้องห้ามของบ้านตระกูลเฉิน รวมถึงเทวรูปของเจ้าแม่ที่อยู่ในถ้ำ ดังนั้นในหนังเรื่องนี้เราจึงเห็นได้ว่าในแง่ของศาสนาจึงไม่สามารถจัดการอะไรกับอาถรรพ์ของเจ้าแม่ได้เลย
ซึ่งในประเด็นนี้ผมชอบมากกับการที่หนังเขาชักจูงคนดูให้ทำตามในตอน แล้วก็ไปตลบหลังคนดูในตอนจบ ซึ่งกว่าคนดูจะรู้ตัวก็ได้ทำตามคำแนะนำของตัวละครไปหมดแล้ว ส่วนตัวผมถือว่าเป็นวิธีการที่ชาญฉลาดมาก ๆ และเขาก็สื่อสารสิ่งเหล่านี้ออกมาตั้งแต่แรกต้นของเรื่อง โดยการให้เรามองภาพเคลื่อนไหวที่เป็นรูปชิงช้าสวรรค์และรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่มันจะสามารถหมุนไปข้างหน้าหรือหมุนกับหลัง หรือรถวิ่งไปข้างหน้าหรือข้างหลัง ก็ขึ้นอยู่กับการการมองหรือกำหนดจิตของผู้มองเองอธิบายว่าการตั้งใจของเราสามารถกำหนดทิศทางของโลกใบนี้ได้
ทั้งนี้หนังยังกะหน่ำใส่เราโดยการพูดถึงมนตราอยู่บ่อยครั้ง การท่องบ่นมนต์ตลอดทั้งเรื่อง การทำให้เราเห็นสัญลักษณ์บ่อย ก็เหมือนกับการสะกดจิตคนดูให้เชื่อและทำตามนั่นเอง
ส่วนในด้านอื่นไม่ว่าจะเป็นการแสดงถือว่าทุกคนทำได้ดีมาก โดยเฉพาะตัวละครของหลีรั่วหนาน ที่ถ่ายทอดความเป็นแม่ที่ทำทุกอย่างเพื่อช่วยลูกได้อย่างดี แม้ว่าหลายครั้งการตัดสินใจของเธอจะค่อนข้างเห็นแก่ตัวก็ตาม โดยเฉพาะในจุดนี้เขาสามารถอธิบายไว้ในตอนจบได้อย่างดีด้วย ชอบการแสดงของนักแสดงที่เล่นเป็นตั่วตัว ไม่เชื่อว่าจะเล่นได้ดีขนาดนี้ อีกทั้งในแง่การสร้างบรรยากาศของหนังที่สร้างความหวาดระแวงความสยองขวัญได้ดีตลอดทั้งเรื่อง Production ต่าง ๆ ก็ดูดี คุ้มค่า
แต่ถ้าจะให้จับผิดลงลึกไปมากกว่านี้ก็มีเช่นกัน เช่น ภาพที่เกิดจากมุมกล้องบางอย่างไม่เข้าใจว่ามาจากมุมกล้องตรงไหน โดยเฉพาะจังหวะที่ตั่วตัวขึ้นไปบนดาดฟ้าของบ้านเป็นต้น หรือหลายจังหวัดที่เกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญสยองขวัญกลับถือกล้องเดินไปถ่ายได้ทั้ง ๆ ที่ตัวเองกลัวจนใจจะขาด (ซึ่งในจุดนี้หนัง found footage สยองขวัญหลายเรื่องเขาก็ทำแล้วก็เป็นการตั้งปัญหาเหมือนกันแทบทั้ง อย่างเช่นในตอชวงนจบของหนังเรื่องร่างทรง ที่ขนาดประมาณว่าไส้ไหลแล้วยังกลับหยิบกล้องมาถ่ายหนังต่อไปได้เป็นต้น) หรือแม้แต่อักขระที่เขียนบนร่างกาย ที่หนังบอกว่าเป็นตัวอักษรแบบพราหมี ซึ่งหากใครมีความรู้ด้านอักษรโบราณก็พอจะรู้ได้ว่ามันแทบม่เหมือนเลยด้วยซ้ำ แต่เอาเถอะถ้าหากจับผิดมากไปก็จะทำให้ดูหนังเรื่องนี้ไม่สนุกไปเลย
กล่าวโดยสรุป Incantation หรือ มนตรา เป็นภาพยนตร์แนวคติชนวิทยาและเทววิทยาสยองขวัญจากไต้หวัน ใช้ลีลาการะเรื่องแบบฟาวล์ฟุตเทจที่มีความกลัว น่าติดตามในระดับดี แต่ก็ยังรักษาขนบเดิมของหนังแนว ฟาวล์ฟุตเทจเกินไป ซึ่งไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่ แต่สิ่งที่ชอบมากที่สุดก็คือการล่อลวงคนดูให้เชื่อและทำตาม และก็ไปตลบหลังในท้ายเรื่อง ซึ่งเป็นการหักมุมที่ดีมาก ๆ ทั้งหมดทั้งมวลมันจึงทำให้มนตรามีเสน่หฺและมี มีเวทมนต์มากพอที่จะตรึงเราเอาไว้กับหน้าจอ ตลอดระยะเวลาประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงได้อย่างดี ใครที่ชอบเรื่องราวความสยองขวัญ ใครที่ชอบเรื่องราวเกี่ยวกับเทววิทยาแบบผีประทะพุทธ ใครที่ชอบเรื่องราวเกี่ยวกับคติชนวิทยา รับรองว่าเรื่องนี้จะไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน